เรื่องจริงฯ
ระวัง....ฝรั่งชั่ว เปิดร้านอาหารบังหน้า มั่ว..พนักงานสาวไทยติดเอดส์กันทั้งร้าน
ฉันแต่งงานอยู่กินกับชาวเดนมาร์กได้ 8 ปี สามีคนนี้เขาอายุ 60 กว่าแล้ว ส่วนฉันเพิ่งจะอายุ 28 ปี ตลอดเวลาที่อยู่กับสามีนอกจากฉันต้องดูแลปรนนิบัติเขาแล้วฉัน ยังต้องทำงานตลอด ทั้งรับทำความสะอาด ไปทำงานที่ร้านอาหารไทย ร้านขายผักและของทุกอย่างที่ส่งไปจากไทยจนฉันได้รู้จักกับฝรั่งเจ้าของร้านอาหารไทยคนหนึ่ง เขายังหนุ่มแถมหล่อ รวย ปากหวาน เขาพูดชวนให้ฉันไปทำงานเป็นแม่ครัวที่ร้านอาหารของเขา ฉันคงไม่ต้องบอกคำตอบหรอกนะคะ...
ฉันรีบตกลงทันที
และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตฉันก็เปลี่ยนไป...
ฉันทิ้งสามีแก่หอบผ้าหอบผ่อนหนีไปอยู่กับเจ้าของร้านอาหารเพราะเชื่อในคำหวานแต่โกหกของเขาและเพราะด้วยความโลภ..อยากเป็นเมียเจ้าของร้านอาหาร...ฉันจึงอยู่กับเขาในฐานะลูกจ้างและเป็นเมียแบบลับๆ
เขามีข้อแม้กับฉันว่าต้องเก็บเรื่องนี้ (เรื่องที่ฉันเป็นเมียเขา) ไว้เป็นความลับ อย่าแสดงตัว ต้องไม่พูดอะไรเกี่ยวข้องกัน ซึ่งฉันก็รับปาก...และรอคอยวันนั้น วันที่จะได้เป็นเมียเขาอย่างเปิดเผย
ที่ร้านนี้นอกจากฉันแล้วยังมีเพื่อนร่วมงานที่เป็นคนไทยอีก 7 คน ทุกคนไม่มีใครรู้เรื่องของเรา ซึ่งฉันก็ทำงานตามปกติเหมือนพนักงานคนอื่นทุกอย่าง ถ้าไปสายก็โดนตัดเงินเดือน ป่วย ลาก็ถูกตัดเงิน แต่จะว่าไปฉันทำงานหนักกว่าคนอื่นๆ ด้วยซ้ำเพราะฉันคิดว่ายังไงร้านนี้ก็เป็นของเขา... และในอนาคตร้านนี้ก็ต้องเป็นของเราด้วย ฉันจึงทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ และเขาเองก็มักจะพูดกรอกหูฉันอยู่เสมอๆ ว่า “ร้านนี้ของเธอๆๆๆ” ฉันจึงทุ่มทั้งแรงกายและแรงใจให้กับร้านตลอด ด้วยหวังว่าวันหนึ่งเขาคงจะเปิดเผยเรื่องของเรา
ฉันได้แต่รอ รอแล้วรอเล่าจนวันคืนผ่านไปก็เปล่าเลย ไม่ได้คำตอบจากเขา มีแต่คำหวานที่โกหกฉันไปวันๆ เท่านั้นเอง
และแล้ววันหนึ่งฉันก็ได้รู้ว่าเขาแอบมีความสัมพันธ์กับเด็กเสิร์ฟและผู้ช่วยกุ๊ก (คนไทย) ด้วย แต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องแอบเจ็บและเก็บกดมาตลอด ฉันรู้อยู่เต็มอกแต่ฉันก็พูดหรือทำอะไรเขาไม่ได้เลยเพราะฉันยังรอคอยวันนั้น
ผู้ช่วยกุ๊กหญิงไทยที่มีความสัมพันธ์กับเขาแล้วมักชอบมาแสดงตัวว่าเจ้าของร้านมีอะไรกับเธอ ซึ่งฉันก็เชื่อเธอ เขาคงจะพูดให้ความหวังกับเธอเหมือนที่เขาพูดกับฉัน พอฉันไปถามเขา เขาก็ตอบมาหน้าตาเฉยว่า
“เป็นเรื่องธรรมดา ไอหาคนทำงานยาก..”
ฟังแล้วฉันก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่รู้สึกสงสารทั้งตัวเองและผู้หญิงคนนั้น อีกอย่างจะพูดอะไรไปก็กลัวเจ้าของร้านจะโกรธก็เลยอดทน ก้มหน้าก้มตาทำงานมาตลอดทำงานโดยที่บางเดือนฉันก็ไม่ได้เงินเดือนด้วยซ้ำ โดยเขาหยอดคำหวานว่า
“จะเอาไปทำไม ร้านนี้ก็เป็นของเธออยู่แล้ว เก็บไว้ที่ฉันนี่แหละ”
ทั้งๆ ที่ตอนแรกที่เข้ามาทำงาน เขาตั้งเงินเดือนให้ฉันเดือนละ 12,000 โครน แต่นี่ก็ปาเข้าไปเดือนที่ 6 แล้วที่ฉันยังไม่ได้จับเงินเดือนค่าแรงของฉันเลย
ฉันทำงานและมีความสัมพันธ์กับเขามานาน 4 ปี นอกจากฉันแล้วเขาก็ยังมี ความสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่น (ส่วนใหญ่เป็นพนักงานสาวไทยในร้าน) มาโดยตลอด...
คนที่มาทำงานในร้านเขาจะคัดเลือกคนที่สวยและโสด ถ้ามีคนงานเข้ามาใหม่ เขาจะให้ฉันเป็นคนสอนคนงานใหม่ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ร้านมีกฎระเบียบอย่างไร ในขณะเดียวกันพวกเธอเหล่านั้นก็มักจะถามประวัติเขาจากฉันเกือบทุกคนเพราะเห็นฉันอยู่มาก่อน
เขาจะแนะนำฉันกับพนักงานใหม่ว่า “นี่คือคนงานเก่า” เจ็บไหมล่ะคะ? ถ้าหากอยู่ด้วยกับเขาสองต่อสอง ฉันก็ถามเขาว่าทำไมถึงพูดอย่างนั้น เขาบอกว่า ยังไม่ถึงเวลาเปิดตัว เขาเข้าใจพูด เข้าใจหลอกฉันให้ยอมเขาตลอด และถึงแม้ฉันจะรู้ว่าเขาหลอก แต่ฉันก็เต็มใจให้เขาหลอก ฉันยังเชื่อคำพูดเขา ฉันยังรอวันนั้น วันที่จะได้เป็น “เมีย” เขาอย่างออกหน้าออกตา
จะว่าฉันโง่...ฉันบ้า ฉันก็ยอม
แม้จะมีบางครั้งบางคราวที่ฉันต้องเจ็บปวดเพราะคำพูดของพนักงานสาวที่ว่า “เย็นนี้เจ้านายชวนไปบ้าน” ฉันได้ยินแล้วเข่าอ่อนทุกครั้ง รู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปและมันก็เป็นจริงอย่างที่เธอพูด เพราะฉันแกล้งไปถามเขาว่า “วันนี้ขอไปบ้านด้วยได้ไหม” เขาตอบว่า “ไม่ว่างจะไปบ้านญาติ” แต่ฉันไม่เชื่อจึงแอบนั่งแท็กซี่ไปดักดูว่าเขาพูดจริงหรือโกหกกันแน่ ก็ปรากฏว่าเห็นเขาเดินคลอเคลียเข้าบ้านไปกับผู้ช่วยกุ๊กสาวไทยจริงๆ
ล่าสุดมีพนักงานสาวไทยคนใหม่เข้ามาทำงานล้างจานได้ 2 อาทิตย์ วันหนึ่งเธอเห็นเขาเอาเด็กเสิร์ฟนั่งตัก เธอก็เดินไปพูดอะไรกับเขาก็ไม่รู้ แล้วเธอก็ร้องไห้รีบเปลี่ยนชุดกลับบ้านไป จากนั้นเธอก็ไม่มาทำงานอีกเลย ฉันคิดว่าเธอก็คงตกเป็นเหยื่อเขาด้วยเช่นกัน เธอเห็นเขากับพนักงานสาวคนอื่น แล้วคงรับไม่ได้..แต่สำหรับฉันมันเป็นเรื่องปกติ
ฉันยังคงเฝ้ารอ...รอวันนั้นต่อไป
และแล้ว...วันนั้นมันก็มาถึงจนได้ เพราะฉันรู้สึกไม่สบาย ครั่นเนื้อครั่นตัวจึงไปหาหมอ หมอตรวจเลือด ผลเลือดที่ออกมาทำหัวใจฉันสลาย เข่าอ่อน แทบล้มทั้งยืนหมอบอกว่า
ฉันเป็นเอดส์ระยะเริ่มแรก...
ฉันมึน งง ไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไปดี ถ้าหากฉันทำงานขายบริการแล้วเป็นโรคนี้ฉันจะไม่เสียใจเลย แต่นี่ฉันทำงานเป็นแม่ครัวร้านอาหารไทยแล้วติดเอดส์
เมื่อมานั่งคิดทบทวน 8 ปีที่ฉันอยู่เดนมาร์ก ฉันไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใครเลย ฉันซื่อสัตย์กับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าฉันไม่ได้ติดจากเขาแล้วจะติดโรคนี้มาจากใคร?
ตอนนี้ฉันยังไม่รู้ว่าจะบอกเขาดีไหม แต่ฉันก็ขอสัญญาว่าจะไม่แพร่เชื้อวายร้ายนี้ให้ใครต่อไปเด็ดขาด เคยมีวันหนึ่งผู้ช่วยกุ๊ก แก้วแตกบาดมือ ฉันรีบหาพลาสเตอร์มาปิดแผลให้เธอ 2 ชั้น และห้ามไม่ให้เธอหั่นเนื้อ ไก่ ผักอีก เธอได้แต่ยกมือไหว้ขอบคุณ แต่ในใจฉันนั้นอยากจะตะโกนก้องบอกเธอและ ทุกคนให้รู้ว่า...
ร้านอาหารนี้มีแต่คนเป็นเอดส์
พวกเราเป็นเอดส์กันทั้งร้านแล้ว!
แต่ “ไอ้ซาตานรูปหล่อปากหวาน” ไอ้ฝรั่งเห็นแก่ตัว เห็นแก่ประโยชน์ตัวเอง มันยังไม่รู้ตัว มันยังคงใช้ร้านอาหารบังหน้าเที่ยวหลอกฟันผู้หญิงไทยคนนั้นคนนี้ต่อไปเรื่อยๆ
พนักงานผู้หญิงไทยที่เคยมีความสัมพันธ์กับมันและต้องเป็นโรคนี้ด้วยที่ฉันรู้มีอยู่ 3 คน (และที่ไม่รู้ไม่เห็นอีกกี่คนฉันไม่แน่ใจ) ฉันก็ไม่รู้จะช่วยพวกเธอเหล่านั้นได้อย่างไร ขอให้ “คส.คส.” เป็นสื่อกลางบอกให้ผู้หญิงไทยที่อยู่ในเดนมาร์กได้ระวังด้วย อย่าเอาชีวิตเข้าแลกเหมือนฉันเลย
ทุกวันนี้ฉันเคียดแค้น เจ็บปวด ทุกข์ทรมาน เสียใจ เสียดายเวลา เสียดายชีวิต แต่ฉันก็ยังทำงานและมีความสัมพันธ์กับมันเหมือนเดิม ไอ้ซาตานมันก็ยังหลอกใช้ฉันอยู่เหมือนเดิมเช่นกัน บางทีมันก็เอาปฏิทินมาเปิดดูวันเกิดฉันแล้วพูดว่า
“อีกไม่นานเธอก็จะได้ทุกอย่างสมปรารถนาของเธอแล้ว”
และตอนนี้ใจฉันก็ตอบมันว่า
“ใช่แล้วที่รัก อีกไม่นานกูกับมึงก็ต้องตายสมปรารถนาแน่นอน”
แต่ก่อนตายฉันตั้งใจจะกลับไปดูหน้าลูกกับแม่ที่เมืองไทยเป็นครั้งสุดท้ายแล้วฉันจะขอกลับมาตายที่เดนมาร์ก...
มาตายกับมันให้สมกับที่รอคอย
ผู้รอคอยวันนั้น/เดนมาร์ก