ครัวไกลบ้าน • แสดงกระทู้

แวะมาสวัสดีป้าปุยค่ะ อิจฉาป้าปุยจังเคยไปอยู่เนปาลด้วย
หนูอยากไปเที่ยวภูฐานค่ะพี่ปุย 555 แต่สงสัยจะแก่ซะก่อนจะได้ไปล่ะมัง

โดย **Puimek** » ศุกร์ มิ.ย. 25, 2010 12:41 am

นิรินธนา เขียน: แวะมาสวัสดีป้าปุยค่ะ อิจฉาป้าปุยจังเคยไปอยู่เนปาลด้วย
หนูอยากไปเที่ยวภูฐานค่ะพี่ปุย 555 แต่สงสัยจะแก่ซะก่อนจะได้ไปล่ะมัง

น้องหนูนา ดีใจที่แวะมานะคะ
พี่ส่งของให้หนูละนะ ในกล่องมีหนังสือ "เนปาลในม่านเมฆ"
ที่พี่ปุยเขียนด้วย ให้หนูไว้อ่านเล่นค่ะ เพิ่งส่งเมื่อบ่ายนี้เอง...

โดย **chocolate** » ศุกร์ มิ.ย. 25, 2010 1:04 am

Puimek เขียน: ไม่เคลื่อนที่ก็มีค่ะ โปรดสังเกตบ้านที่อยู่ มีไม้แกะสลักประดับด้วย
นี่เป็นบ้านเก่าหลายร้อยปี บางคนก็งัดเอาไม้แกะสลักมาขาย

เนปาลน่าเที่ยวจังค่ะพี่ปุยเป็นทริปที่น่าสนใจมาก หนูชอบรูปนี้เป็นพิเศษเลย ขอบคุณพี่ปุยที่เอาทริปดีๆมาให้ชมด้วยค่ะ

โดย **Inlove** » ศุกร์ มิ.ย. 25, 2010 2:20 am

เคยไปเที่ยวมาแล้วคะ ตามรูปที่คุณปุยถ่ายมาเลย แถมกาฐมันฑุ และ พาร์คารา
ยังได้เห็นวิวภูเขามัชฉาคีรี จำได้เลือนๆคะแต่สวยมากเพราะเป็นแหล่งเล่นพาราไกลดิ้งคะ
ยังได้ไปโดดพาราไกลดิ้งด้วยสนุกมากมาย จำได้ไม่ลืมเลยคะ ช่วงที่ไปมีการปฎิวัติ
และประท้วงรัฐบาล เลยเห็นทหารถือปืนยืนยามกันไปทั้งเมือง เราทานข้าวกันบนยอด
ตึกดีๆ เจ้าของร้านบอกว่าห้ามออกจากร้านเด็ดขาดจนกว่าเค้าจะมาบอกว่า ออกไปได้คะ
ก็ช่วงที่เราทางอาหารกันสองชั่วโมง ทหารปราบจราจลให้วุ่นกันข้างนอกแป๊ปเดียวฝุ่นตลบ
อบอวล หายเรียบ นักท่องเที่ยวปลอดภัยเสมอ พูดแล้วอยากไปอีกรอบคะ

โดย **kitycat** » ศุกร์ มิ.ย. 25, 2010 6:33 am

Puimek เขียน: ชาวเชอร์ปาขนส่งอีกรูปค่ะ เขาแบกได้หนักมาก ขนาดตู้เย็นยังได้เลย

พี่ปุ๋ย น่าเที่ยวมากเลยเนปาล ชีวิตของคนที่นั้นก้อดูเรียบง่าย หลายๆๆอย่าง ไม่วุ้นวายเหมือนบ้านเรา วิธีชีวิตแนวดังเดิม ไม่เปลียนแปลง เห็นชายคนนี้แบกของหนักนึก น่าสงสารเขาจังค่ะ ให้เรามาแบกของแบบนี้บ้างตายแน่เลยเรา

โดย **meawmark** » ศุกร์ มิ.ย. 25, 2010 7:02 pm

ขอบคุณสำหรับทริปเนปาลค่า

โดย **pimlapas** » ศุกร์ มิ.ย. 25, 2010 8:26 pm

น้องปุย เล่าเรื่องตามภาพได้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นเลยค่ะ มีทริปดีๆ อีกหรือเปล่าชอบจังเลยถึงว่า เจ้าลิตเติ้ล กับอาตี้ ชอบอ่านหนังสือที่น้าปุนเขียน กลายเป็นเด็กนักอ่านหนังสือไปได้ในทันที

ชอบไกด์น้อยสองคนจัง เขาน่ารักมากๆ เลยนะนั้น
แล้วคนนำเที่ยว สองท่าน คุณลูกกับคุณพ่อ ก็เท่ห์ไม่แพ้กันเลย รอชมทริปต่อไป

โดย **Jawan** » ศุกร์ มิ.ย. 25, 2010 8:51 pm

ขอขอบคุณมากๆนะคะ พี่ปุย สำหรับทริพดีๆภาพแสนสวยบอกเล่าเรื่องราวน่าสนใจอ่านเพลินจัง
เนปาลเป็นประเทศในฝันเหมือนกันว่าสักวันนึงต้องไปเที่ยวสัมผัสเยี่ยมชมให้ได้

โดย **noiney** » ศุกร์ มิ.ย. 25, 2010 10:39 pm

ตามมาเที่ยวด้วยคน

โดย **Puimek** » เสาร์ มิ.ย. 26, 2010 1:42 am

ขออนุญาตตอบรวมเลยนะคะ (อย่างอนนะคะพี่น้อง)

ขอบคุณที่แวะมาชมค่ะ ใครยังไม่ได้ไปเนปาล และถ้ายังลังเลอยู่ อยากแนะนำให้ตัดสินใจไปเลยค่ะ เพราะจะไม่ผิดหวัง บ้านเมืองสวย วิถีัชีวิตผู้คนยังปะปนอยู่กับร่องรอยของอดีตกับปัจจุบัน ไม่เร่งรีบ แต่ก็ไม่เฉื่อยเนือย คนเนปาลก็น่ารัก ใสๆ เหมือนคนต่างจังหวัดบ้านเรา ยิ่งไกด์น้อยสองคนนี่ยิ่งน่ารักมากจริงๆ ค่ะ ตอนแรกคิดว่าเขาจะมาขอเป็นไกด์เพื่อเอาเงิน แต่จริงๆเขามาขอเดินด้วยเพื่อฝึกพูดภาษาอังกฤษเท่านั้น เขาช่างพูดช่างถาม ถามถึงเมืองไทย เราก็เล่าแลกเปลี่ยนกับเขา ตอนหลังพอจะไปกินข้าว เขาก็จะแยกไปเลย ไม่ถามเอาตังค์อย่างที่คิด (รู้สึกผิดเลยนะ) พ่อเลยชวนเขาไปกินข้าวด้วย เขาก็ไม่ไป ตอนหลังปุยถึงได้ถามว่าอยากได้อะไรมั้ย เขาก็เหนียมๆ อายๆ อยู่พักนึง ถึงได้บอกว่าถ้าเราจะกรุณาเขา เขาอยากได้ดิคชันนารีภาษาอังกฤษ ปุยเลยให้เขาพาไปร้านหนังสือ ซื้อให้คนละเล่มเลย เล่มละร้อยกว่าบาทเอง เขาดีใจมาก ตอนแรกจะคืนเราหนึ่งเล่มด้วยนะ เขาบอกว่าแบ่งกันใช้ได้ ปุยเลยบอกไม่เป็นไร ให้เก็บไว้ใช้ ตั้งใจเรียนให้เก่ง และให้รู้ว่าคนเนปาลกับคนไทยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

คุณ Inlove เอารูปที่โพคารามาลงบ้างสิคะ ของปุยตอนนั้นถ่ายไว้ตั้งแต่เป็นกล้องฟิล์ม ไม่มีไฟล์เลยค่ะ อยากให้เพื่อนๆ เห็น ตอนปุยไปได้เห็นหิมาลัยเต็มๆ ช่วงเช้าที่พระอาทิตย์เพิ่งขึ้น ยอดหิมาลัยสีขาวจะกลายเป็นสีชมพู สวยมาก เหมือนไอติม...เสียดายตอนนั้นไม่มีกล้องดิจิตอลค่ะ

โดย **PHAN** » อาทิตย์ มิ.ย. 27, 2010 12:38 pm

Puimek เขียน: ปุยไปขอพ่อเจ้าบ่าว ให้เจ้าบ่าวมานั่งคู่เจ้าสาวให้เราถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
เขาก็ยอมเพราะเห็นเราเป็นต่างชาติ การแต่งงานคนเนปาล ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ยังเป็นการแต่งแบบคลุมถุงชน พ่อแม่เลือกให้ เพราะต้องมาจากสกุลเดียวกัน (ถ้าเป็นพุทธ) หรือวรรณะเดียวกัน(ถ้าเป็นฮินดู)

อิจฉาเจ้าสาวจริง ๆ เลยคะพ่อแม่เจ้าสาวนี้ รสนิยม ดีมากเลยคะพี่ปุย

โดย **PHAN** » อาทิตย์ มิ.ย. 27, 2010 12:40 pm

Puimek เขียน: ลืมเล่าไป มีไกด์น้อย 2 คนมาขอเดินด้วย ตอนแรกเราปฏิเสธเพราะปุยเคยอยู่เนปาลมา 2 ปี
รู้จักแถวนี้ดี แต่ไกด์น้อยบอกว่าขอมาฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยเฉยๆ พ่อก็เลยบอกว่ามาซิ ไปๆ มาๆ ไกด์น้อยน่ารักมาก เราให้เงินเขาก็ไม่เอา ชวนไปกินข้าวด้วยก็ไม่ไป เลยถามว่าอยากได้อะไรไหม เขาบอกว่าถ้าจะกรุณา เขาอยากได้หนังสือภาษาอังกฤษ เราเลยซื้อให้เขาคนละเล่ม เขาดีใจมาก

ไกด์น้อย สองคนนี้ก็นิสัย ดี มาก ๆ เลยคะ พี่ปุย

โดย **Janeen** » จันทร์ มิ.ย. 28, 2010 3:56 am

พี่ปุยขา รูปสวยจังเลยค่ะ บรรยากาศดูแล้วนึกถึงแม่ฮ่องสอนสมัยก่อนเลย พี่ปุยบรรยายซะเห็นภาพทำให้อยากตามไปเที่ยวด้วยเลยค่ะ แล้วพี่ปุยเคยไปทำงานอยู่ที่เนปาลสองปีเหรอคะ เรื่องกุมารีนี่หนูจำได้ว่าอ่านจากหนังสืออะไรก็ไม่ทราบนานมาแล้ว ที่เค้าบอกว่าจะเลือกจากเด็กหญิงที่สืบเชื้อสายมาจากวรรณกษัตริย์(ตามความเชื่อของฮินดู)เท่านั้น พอมีประจำเดือนครั้งแรกก็หมดหน้าที่นั้นไปแล้วต้องเลือกกุมารีคนใหม่ขึ้นมา อยากทราบว่าหลังจากที่เค้าไม่ได้เป็นกุมารีแล้ว เค้าสามารถออกไปมีชีวิตเหมือนคนปรกติทั่วไป แต่งงานมีครอบครัวได้มั้ยคะ หรือว่าต้องอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต แบบรักษาพรหมจรรย์อะไรงี้รึเปล่าคะ

โดย **jenitamom** » จันทร์ มิ.ย. 28, 2010 1:51 pm

เป็กค่ะที่ได้เห็นลักษณะความเป็นอยู่ของประเทศเนปาล ขอบคุณพี่ปุยสำหรับพาเที่ยวนะคะ เมืองเขาก็น่าเที่ยวดีเหมือนกันนะคะ มีอะไรน่าสนใจเยอะเลย ทริปหน้าจะพาไปเที่ยวที่ไหนเอ๋ยพี่ปุยคนสวย พี่สบายดีนะคะช่วงนี้

โดย **Puimek** » จันทร์ มิ.ย. 28, 2010 1:57 pm

น้องปาน ใช่ค่ะ ไกด์น้อยน่ารั๊ก..น่ารัก เสียดายไม่มีที่ติดต่อเขา ไม่งั้นจะส่งหนังสือไปให้อีก ขอบคุณนะคะที่แวะมาดู

น้องหนิง ขอบคุณที่มาเที่ยวด้วยกันนะคะ สามีพี่ค่ะ เป็นคนไปทำงานที่เนปาล เป็นโครงการช่วยเหลือรัฐบาลเนปาล เงินมาจากรัฐบาลแคนาดา สามีพี่เป็นหัวหน้าโครงการ พี่เป็นผู้ติดตามและไปช่วยทำวิจัย 2 หัวข้อให้โครงการค่ะ พี่ทำวิจัยเรื่องวัฒนธรรมและสิ่งที่เป็นอุปสรรคกับการพัฒนาประเทศ และเรื่องผู้หญิงกับการพัฒนาประเทศ เลยได้รู้จัก "คนใน" เยอะ พี่ก็เลยขอให้เขาพาไปรู้จักอดีตกุมารี เพื่อสัมภาษณ์มาประกอบงานวิจัย และลงกุลสตรีด้วยเลย

เรื่องกุมารีเนี่ย ความเชื่อ คือคนคิดว่ากุมาีรีพอพ้นตำแหน่งแล้วก็หมดคุณค่า ไม่มีผู้ชายกล้าแต่งงานด้วยเพราะกลัวว่าการทำลายพรหมจรรย์อดีตกุมาีรีจะทำให้เขาถูกสาบและตายเร็ว แถมยังเชื่อกันว่าอดีตกุมารีส่วนใหญ่ต้องกลายเป็นโสเภณี นอกนั้นก็มีความเชื่ออีกว่ากุมาีรีถูกขังอยู่ในวัง ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน พ่อแม่ไปเจอไม่ได้ ฯลฯ สารพัดจะว่าไป พี่ก็ไปสัมภาษณ์อดีตกุมาีรีคนนี้ เขาก็เล่าให้ฟังว่าไม่เป็นความจริง พ่อแม่เขามาเยี่ยมทุกอาทิตย์ เขามีความสุขมาก แต่จริงที่ตอนเป็นกุมารีไม่ได้เรียนหนังสือ พอพ้นตำแหน่งก็ลำบากต้องมาวิ่งไล่เรียนให้ทันคนอื่น แต่เขาก็ทำได้ดีค่ะ วันที่พี่ไปสัมภาษณ์ครั้งแรก เขาเรียนมหาลัยปี 2 ด้าน Information Technology พอไปสัมภาษณ์ครั้งที่สอง(ในรูป) เขาเรียนจบแล้ว และทำงานปีแรก เป็นคนดีไซน์ซอฟท์แวร์ด้านการศึกษา เขาก็เล่าว่าต้องฝ่าฟันอะไรบ้าง

เรื่องการแต่งงาน แต่งได้ค่ะ อดีตกุมารีแต่งงานมีลูกมีครอบครัวดีๆ กันไปเยอะเลย แต่อาจเป็นได้ว่าคงเคยมีสักคนสองคนที่ไม่สามารถผ่านอุปสรรคเรื่องความเชื่อและเรื่องการปรับตัวเข้ากับชีวิตมนุษย์สามัญได้ ก็เลยต้องกลายเป็นโสเภณี คิดว่าอาจมีนะคะ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานเลยค่ะ ความจริงเรื่องโสเภณีเนี่ย แค่จนก็เป็นกันแล้ว ไม่ต้องเป็นอดีตกุมารีหรอก

ส่วนเรื่องการเลือกกุมารี เขาจะเลือกจากเด็กหญิงชาวพุทธที่มาจากสกุล "ศากยะ" เท่านั้น เพราะเป็นสกุลของพระพุทธเจ้า (สุกลศากยะถูกจัดเป็นวรรณะกษัตริย์ แต่พระพุทธเจ้าและชาวศากยะไม่รับการจัดวรรณะค่ะ เพราะเขาไม่เชื่อในระบบวรรณะ) จริงๆ เรื่องกุมารีเป็นความเชื่อของฮินดูนะคะ แต่ในงานวิจัยของพี่ พี่ได้ข้อสรุปว่าในอดีต ชนชั้นปกครองที่เป็นฮินดูต้องการผนวกพุทธเข้ากับฮินดู ด้วยเหตุผลทางการเมืองและการปกครอง และสกุล "ศากยะ" ก็เป็นสกุลของพระพุทธเจ้า เขาเลยกำหนดให้กุมารีมาจากสกุลนี้ค่ะ แหม...พูดมากเดี๋ยวเป็นวิชาการไป พี่มีเหตุผลรองรับเยอะนะ ในงานวิจัย... เอาเป็นว่าเป็นเหตุผลทางการเมืองล้วนๆ แล้วกันนะคะ...

(ตกลงพี่ตอบคำถามน้องหนิงแล้วใช่ไหมเนี่ย???)

ซบอ้อมอกหิมาลัย

ผู้ใช้งานขณะนี้