พระท่านก็ถามว่า มีอะไรหรือโยมหน้าตาหม่นหมองมาเชียว ตาก็เล่าเรื่องราวให้พระท่านฟังค่ะ ไม่ทั้งหมด แต่ก็มีบางส่วนที่คิดว่าคุยกับท่านแล้ว ท่านอาจให้คําแนะนําได้หน่ะค่ะ พอท่านได้ฟัง ท่านก็เริ่มพูดถึงเรืองกรรมเก่า กรรมดี กรรมชั่ว และการกระทํากรรมค่ะ
รู้สึกว่าจะคุยกับพระท่านนานมากๆค่ะ รู้สึกเหมือนว่าภูเขาที่มันอยู่ในอกค่อยๆเหมือนจะมีคนมายกออกจากใจ ความทุกข์ที่มีอยู่เริ่มมีความแช่มชื่นจากรสธรรมมะเข้ามาแทนที่
เริ่มเข้าใจอะไรๆมากขึ้น หน้าตาที่หม่นหมองเริ่มมีรอยยิ้ม นํ้าตามันเริ่มใหลรินค่ะ
ไม่ได้ใหลเพราะเสียใจ แต่ใหลเพราะความปลื้มปิติที่มีอยู่ค่ะ เริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น เริ่มเข้าใจคําว่าปลงและดีใจในสิ่งที่มีอยู่ สามีดีใจมากๆค่ะที่เห็นตายิ้มได้ หลังจากวันนั้นมา ตาก็ไปวัดเกือบทุกอาทิตย์ค่ะ หลังจากที่ปลงได้ คิดได้ ความสุขก็ตามมา
ตามีความสุขขึ้นเยอะค่ะ เวลาไปวัดก็ได้ทําบุญให้พ่อกับยายเพื่อตอบแทนพระคุณท่าน
ได้กรวดนํ้าให้ทุกๆคนทั้งลูกสองคนที่แท้งไป และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายค่ะ
พอปีต่อมาตาก็กลับไปแต่งงานแบบใทยให้แม่ที่บ้าน ครอบครัวสามีไปทุกคนค่ะ
ก็จัดงานแบบพื้นบ้านค่ะ แต่งแบบเขมรปนใทยค่ะ แม่ตาท่านมีความสุขมากๆค่ะ
ยิ่งทําให้ตาคิดถึงพ่อมากขึ้น แต่ก็ได้แต่หวังว่าพ่ออาจจะมองเห็นจากสวรรคว์ค่ะ
หลังจากงานแต่งก็เตรียมเรื่องพาลูกชายมา แต่วีซ่าไม่ผ่านค่ะ เขาบอกเอกสารไม่ครบ
ก็เลยต้องกลับมาทําเรื่องต่อที่อังกฤษค่ะ ระหว่างที่รอก็คุยกับสามีว่าจะทํากิฟกัน เพราะตากับสามีอยากได้ลูกเร็วๆหน่ะค่ะ พอดีเราตัดสินใจว่าจะจ้างบริษัทรับทําวีซ่า ทําวีซ่าให้ลูกชายมาค่ะ เลยให้น้องติดต่อกับบริษัท เค้าเอาเกือบแสนค่ะ
ก็ต้องยอมจ่ายเพราะอยากให้ผ่านค่ะ พอดีเพี่อนที่เป็นทนายที่อังกฤษเค้าส่งจดหมายไปทางสถานทูตด้วย ว่าให้พิจารณาเรื่องเกี่ยวกับที่ตาไม่สบายก็เพราะคิดถึงลูก อยากให้ลูกมา สุดท้ายวีซ่าก็ผ่านค่ะ ระหว่างที่รอให้ลูกชายมา ตาก็ดันมารู้ตัวว่าท้องก่อนไปทํากิฟ แค่เดือนเดียวเองค่ะ ก็เหมือนว่ามรสุมร้ายๆมันผ่านไปค่ะฟ้าหลังฝนเริ่มเข้ามา