ครัวไกลบ้านได้ทำการปรังปรุงเวบไซต์ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นในระบบสมาร์ทโฟน และได้รวมข้อมูลเมนูอาหารและ สมาชิกจากทั้งเวบไซต์เก่าและใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว

สมาชิกท่านไหนมีปัญหาไม่สามารถล็อกอินได้ ให้ทำการเปลี่ยนพาสเวิร์ดโดยคลิ๊กลิ้งค์นี้ ลืมรหัสผ่าน
ถ้าท่านใดมีชื่อสมาชิกมากกว่าหนึ่งชื่อแล้วต้องการรวมโพสทั้งหมดให้อยู่ในชื่อสมาชิกเดียว หรือมีปัญหาในการใช้เวบไซต์
สามารถส่งอีเมล์แจ้งรายละเอียดมาได้ที่ [email protected] หรือส่งข้อความได้ที่ user: sillyfooks

ถ้าชอบครัวไกลบ้าน อย่าลืมคลิ๊กไลค์เฟสบุ๊คให้ครัวไกลบ้านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

ฝรั่งมองคนไทย

ห้องนี้เปิดไว้สำหรับให้อาสาสมัครช่วยงานเว็บครัวไกลบ้าน เพื่อใช้เป็นห้องทดลองตั้งกระทู้ แตกระทู้ รวมกระทู้ ฯลฯ สมาชิกมองไม่เห็นห้องนี้นะคะ หากไม่แน่ใจว่าจะจัดการกับคำสั่งต่างๆอย่างไร เชิญแวะฝึกหัดที่ห้องนี้ได้เลยค่ะ

โพสต์โดย CHAN » พุธ ต.ค. 11, 2006 12:25 am

ขอบคุณพี่หมูแดงค่ะ ที่หาบทความดีๆ มาให้อ่าน อ่านแล้วอยากให้เพื่อน พี่น้องชาวไทยได้อ่าน คนที่มีวิธีคิดที่พาจนใส่ตัว จะได้เลิก ละ ลด กันบ้างค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
CHAN
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 7
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 15, 2006 5:13 pm
ที่อยู่: thailand

โพสต์โดย Ged » พุธ ต.ค. 11, 2006 12:57 pm

สวัสดีค่ะ พี่หมูแดง

ขอขอบคุณค่ะพี่หมูแดง ที่พี่ได้หาอะไรมาไห้ได้คิดได้อ่าน

เกด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ged
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 10
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 23, 2006 5:19 pm

โพสต์โดย didi » พุธ ต.ค. 11, 2006 3:38 pm

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:red'>บทความดีมากๆเลยค่ะ </span></span>
รูปภาพ
<img src='http://i104.photobucket.com/albums/m194/didipretty/my%20catoon/52-20060105161016.gif' border='0' alt='user posted image' /><br><br>
ภาพประจำตัวสมาชิก
didi
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 3920
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ส.ค. 22, 2006 3:44 pm

โพสต์โดย Amelia » พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:32 am

วันนี้เจออีกเว็บหนึ่ง ที่มีรายละเอียดเพิ่มเติมจากของพี่หมูแดงค่ะ

เรื่องของฝรั่งคนหนึ่งที่คนไทยเรียกเขาว่าฝรั่งขี้นก
ชื่อ Martin Wheeler อายุ ๔๒ ปี เป็นชาวอังกฤษ เมือง Bllackpool
ปริญญาตรีเกียรตินิยม ภาษาละติน จาก London University
ภรรยา นางรจนา วีลเลอร์ ชาวขอนแก่น บุตร ๓ คน
๑. ด.ช.อิริค วีลเลอร์ (Eric Wheeler) อายุ ๘ ขวบ
๒. ด.ญ.แอนนี่ วีลเลอร์ (Anne Wheeler) อายุ ๖ ขวบ
๓. ด.ช.ดิเรก วีลเลอร์ (Derek Wheeler) อายุ ๖ เดือน
------------------------------------------------------------------------
ผมเป็นชาวอังกฤษ
เกิดในครอบครัวที่ฐานะดีพอสมควร พ่อจบปริญญาเอก
เป็นผู้จัดการบริษัทเกี่ยวกับสารเคมี ยาฆ่าแมลง มีลูกน้อง ๒๐,๐๐๐กว่าคน
แม่จบปริญญาตรี เป็นครูสอนเปียโนกับไวโอลิน
ผมจบปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับหนึ่งภาษาละติน
ครั้งแรกเรียนที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
ปีที่ ๓ ผมย้ายไปเรียน มหาวิทยาลัยลอนดอน และจบที่นั่น
ผมไม่ชอบเคมบริดจ์ เพราะเป็น แบบโบราณ
อังกฤษเป็นประเทศเก่าแก่มาก สมัยโบราณเป็นระบบศักดินา มีขุนนาง
และ ชาวบ้านเป็นขี้ข้า ทุกวันนี้แม้ยกเลิกระบบนั้นแล้ว
แต่ที่เคมบริดจ์ยังเจอวัฒนธรรม แบบขุนนาง เป็นสังคมเล็กๆ
ผ่านมา ๒๐๐-๓๐๐ ปีแล้ว แต่ไม่รับรู้อะไร ไม่เข้าใจชาวบ้าน
เขาคิดแต่เรื่อง สังคมเล็กๆ ของเขาในกลุ่มคนชั้นสูง
เป็นพวกหอคอยงาช้าง ที่ผมเรียนได้คะแนนดี
เพราะพ่อแม่ของผม บังคับให้เรียนหนังสือ
ส่งเสริมให้เรียนตั้งแต่อายุ ๒ ขวบครึ่ง
สอบไปเรื่อยๆ เพิ่มไอ.คิว. ให้สูงที่สุด เท่าที่จะทำได้
ผมเรียนสูงจนได้เกียรตินิยม เพราะพ่อแม่มีเงินช่วย
ไม่เกี่ยวกับความฉลาดเฉพาะตัว

ปฏิวัติค่านิยมเก่า
ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องเงิน ไม่อยากมีรถยนต์ ไม่อยากมีบ้านใหญ่
อยากมีบ้านเล็กๆ อยากมี ครอบครัวเล็กๆ ที่มีความสุข
ไม่สนใจเรื่องวัตถุ ผมอยากอยู่แบบง่ายๆ
เมื่อก่อน ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไร แต่ตอนนี้รู้ว่า เขาเรียกมักน้อย สันโดษ
ที่อังกฤษเขาว่าผมบ้า เป็นเด็กนิสัยเสีย เพราะพ่อแม่ส่งให้เรียนหนังสือ
แต่ไม่เอาความรู้ไปหาเงิน เขาหาว่า เด็กที่ไม่คิดทำงานนั้น นิสัยเสีย

หลังจากเรียนจบแล้ว ผมก็เอาปริญญาให้พ่อแม่ตามที่ท่านอยากได้
แล้วผมก็ไปทำงานก่อสร้างแบกอิฐแบกปูนอยู่ ๑๐ ปี
ช่วงนั้นชาวบ้านบอกว่า ผมบ้าแน่ครับ
แต่เป็นเรื่องที่ผมอยากเรียนรู้ชีวิต อยากรู้จักตัวเอง
ว่ามีความสามารถมากน้อยเพียงใด มีความอดทนมั้ย
ทำในสิ่งที่เราไม่น่าจะทำได้มั้ย
ท้าทายตัวเองบ้าง อยากผ่านชีวิตที่ลำบากบ้าง

ผมอยู่ในสังคมของคนมีเงิน เขาจะพูดถึงแต่เรื่องเงิน
คุณมีรถยี่ห้ออะไรบ้าง? มี่กี่คัน? คุณมีบ้านใหญ่ขนาดไหน? ลูกของคุณเรียนที่ไหน?
เอาลูกมาแข่งขันกัน จบจากที่ไหนบ้าง? จบจากเคมบริดจ์ดีกว่าจบจากมหาวิทยาลัยลอนดอน
แต่ผมกลับคิดว่า ชีวิตน่าจะมีอะไร มากกว่านั้น ช่วงนั้นผมไม่รู้ว่าชีวิตคืออะไร
แต่ที่รู้แน่ๆ คือไม่ใช่เงิน ไม่ใช่บ้าน ไม่ใช่ปริญญา ต้องมีสิ่งอื่น
ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ผมก็เลยมาลองแบกอิฐ แบกของหนักไว้ก่อน
เดินแบกอิฐไปมา วันละสาม-สี่พันเที่ยว มันอิสระ เรามีเวลาคิด
ได้รู้จักคนอื่น และได้สร้างความเข้มแข็ง ให้ร่างกาย
แล้วจิตใจเราก็เข้มแข็งขึ้นด้วย

ชาวบ้านธรรมดาที่อังกฤษนั้น จริงๆ เขาลำบากกว่าคนไทยมาก
เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ผมได้เห็น ชีวิตของชาวบ้านที่อังกฤษแย่มาก
คนที่นั่น ๖๐% ไม่มีบ้าน
ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดา จะไม่ได้เป็นเจ้าของบ้าน
ต้องไปเช่าบ้านจากเจ้านายตลอดชีวิต
๙๘%ไม่มีใครมีที่ทำกิน แล้วก็อยู่ในเมือง
เป็นขี้ข้าเขาหมด แม้แต่เป็นผู้จัดการก็เป็นขี้ข้าด้วย
เพราะไม่มีใครพึ่งตนเอง ไม่มีใครมีที่ทำกิน
จะไปทำอะไร ช่วยตัวเองก็ไม่ได้ จะไปสุขอะไรก็ไม่ได้
ต้องไปหาเงิน ชีวิตอยู่กับเงินอย่างเดียว เงินเยอะ ก็มีคุณภาพชีวิตที่ดี
ได้เงินน้อยคุณภาพชีวิตก็ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่

พ่อแม่และผม
ถามว่าชีวิตของพ่อมีความสุขมั้ย? ผมคิดว่าไม่
ผมคิดว่าพ่ออยากได้บางสิ่งบางอย่าง
เขาได้เงินเดือน เยอะมาก ได้รับบำเหน็จบำนาญ
เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านในชุมชน มีตำแหน่ง
มีเกียรติยศอะไรอีกเยอะแยะ
แต่ผมคิดว่าพ่อไม่มีความสุข เพราะว่าวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ไปทำงานที่โรงงาน
ตกเย็นไปประชุมอีก กลับบ้านสามทุ่มสี่ทุ่ม ไม่ได้เจอเมียเจอลูก
วันเสาร์อาทิตย์พ่อก็ปวดหัว อยากพักผ่อน พ่ออยากอยู่คนเดียว
ไม่ให้ใครรบกวน
พ่อมีเมีย และลูกสามคน แต่พ่อไม่ค่อยได้เห็นลูกเห็นเมีย
สมัยที่ผมอายุสิบสามขวบ
ผมไม่ได้คุยกับพ่อ แม้แต่คำเดียวเกือบปีครึ่ง
เห็นเมื่อไหร่ก็เจอพ่อปวดหัวตลอด
คิดหนัก อาชีพของพ่อ ต้องใช้สมองมาก ผมว่ามันเป็นกรรมพันธุ์ด้วย
ผมก็ปวดหัวบ่อยเหมือนกัน (หัวเราะ) ชอบคิดมาก ตอนนี้หายแล้ว
แม่เข้าใจผม แต่ไม่เห็นด้วยที่ผมมาเมืองไทย

แม่เสียชีวิต ผมได้มรดกนิดๆ หน่อยๆ มีเวลาที่จะไปเที่ยว
ผมเคยวางแผนไว้ในใจว่าจะเที่ยว ๑ ปี จะไปในประเทศ ที่ผมไม่เคยไปมาก่อน
เช่น ไทย ลาว เขมร พม่า มาเลย์ เวียดนาม อินโด ออสเตรเลีย
คิดว่าจะไปออสเตรเลียเพราะเป็นประเทศเปิด ไม่ค่อยมีกฎระเบียบ เหมือนอังกฤษ
แต่ก็ยังไม่ได้ไปตามแผนที่วางไว้ ประเทศแรกที่ผมมาคือประเทศไทย

ผมไม่ใช่ครูฝรั่ง
สมัยก่อนผมนิสัยเสีย ชอบกินเหล้า ชอบเที่ยว ชอบสนุก เงินที่ผมเก็บไว้
๑ ปี ภายใน ๒ เดือนใช้หมดเลย ไม่มีเงินกลับบ้าน ผมอยู่ประเทศไทย ตั้งแต่ปี ๒๕๓๕
ผมอยู่กรุงเทพฯ ไม่มีเงิน แม้แต่บาทเดียว ไปหางานทำ
อาชีพอย่างเดียวที่เราทำได้ คือเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ จริงๆแล้ว
ผมไม่ได้เป็นครูหรอก ผมสอนไม่เป็น แต่คนไทยเห็นฝรั่ง จะบอกว่าฝรั่งทุกคน
เป็นครูสอนภาษา ซึ่งมันไม่จริง
ฝรั่งส่วนมากไม่ได้เป็นครู ที่กรุงเทพฯ เขาจ้างผมให้เป็นครู
เอาเสื้อผ้าดีๆ เนคไทดีๆให้ใส่ เขาบอกว่า คุณเป็นครูนะ
แล้วเขาก็ส่งผมเข้าห้องเรียนเลย
ความจริงฝรั่งที่เขาเรียกครูนั้น ไม่มีใครเคยสอนหนังสือ แม้แต่คนเดียว
และบางครั้ง ก็ไม่ใช่คนอังกฤษด้วย มีคนหนึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส
พูดภาษาอังกฤษผมฟังไม่รู้เรื่อง แม้แต่คำเดียว คนไทยก็แปลกดีเหมือนกัน
เขาให้เงินเดือนผมเดือนละ ๓ หมื่นบาท ไปนั่งเฉยๆ ผมก็ละอายใจ
ไม่อยากรับ ผมคิดมาก ปวดหัวทั้งวันทั้งคืน เพราะถ้าเราทำงานอะไรในชีวิต
เราต้องได้ผล สมมุติมีคนมาจ้างเรา ๑๐๐ บาทแบกอิฐ ผมจะรับแน่เพราะว่า
ผมแบกอิฐแผ่นนั้น จากโน่นไปที่นู่น ผมทำได้แน่ครับ แล้วผมก็จะเอาเงินของคุณไป
แต่เวลาผมเป็นครูสอนภาษา มันไม่ได้ผลหรอก ผมสอนไม่เป็นเอาเงินให้ผมเฉยๆ
ผมก็รู้สึกว่า ไม่น่าจะเอา ผมไม่ได้ทำ ประโยชน์อะไร คุ้มค่าเงินนะ
เงินไม่ทำให้ผมมีความสุข
ผมมีอุดมการณ์เล็กๆ ตั้งแต่อายุยังน้อยๆ
๑. ถ้าเราทำงานอะไร ต้องทำในสิ่งที่เรามีความสุข
๒.จะไม่ทำงานที่ต้องผูกเนคไท
๓.จะไม่มีกระเป๋าเอกสารเพราะว่าเหมือนสังคมของพ่อแม่ผม เขาจะทำงานแบบนั้น
ทุกคนมีเสื้อนอก มีรถยนต์ มีเอกสาร แต่เขาไม่ค่อยมีความสุขหรอก
ผมเอาสิ่งนี้ มาเป็นสัญลักษณ์ แห่งการทำงานที่ไม่มีความสุข
มีช่วงเดียวเท่านั้นที่ผมทรยศต่อชีวิตตัวเองคือ
ช่วงที่ผมเป็นครูอยู่ที่กรุงเทพฯ ผมต้องผูกเนคไท
ผมทำในสิ่งที่ผมเกลียดที่สุดเลย เพื่อเงินอย่างเดียว
ทำอยู่ประมาณ ๑๑ เดือน
ชีวิตไม่มีความสุข เหมือนอยู่ที่อังกฤษ คือทำงานอะไรก็ได้ ขอให้มีเงิน
แต่ไม่มีความสุข แล้วก็เอาเงินไปใช้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้องไปเที่ยว ไปกินเหล้า
ไปสูบบุหรี่ ยาเสพติดทุกชนิดผมเอาหมด ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม
แม้แต่อยู่กรุงเทพฯ ก็ยังทำอยู่ ถึงได้เงินเยอะ แต่ไม่รู้ว่า จะเอาไปทำอะไร
เพราะเงินไม่ช่วยให้เรามีความสุข

หันเหชีวิตสู่แนวทางที่วาดหวังไว้
ผมเจอภรรยา เธอมาจากจังหวัดขอนแก่นอยู่กรุงเทพฯ ไม่นานก็มีลูก
ผมเริ่มคิดหนัก แต่ก่อน อยู่คนเดียวไม่มีปัญหา
มีความสุขหรือไม่มีก็คนเดียว ไม่ยากหรอก
เมื่อมีเมียมีลูก มันต้อง รับผิดชอบผู้อื่นด้วยจะไปนั่งกินเหล้าเฉยๆ
ไม่ได้หรอก คิดว่าทำอย่างไร ให้เมียกับลูกอยู่ได้ ผมรู้แน่ๆ
ถ้าผมอยู่ในสังคมเมือง และทำงานแบบนี้ ผมจะเป็นคนแย่มาก
จะกินเหล้า สูบบุหรี่ ติดยา เที่ยวอย่างเดียว
จึงตัดสินใจตัดตัวเองออกจากสังคมเมืองไปอยู่บ้านนอก
แฟนผม มาจากหมู่บ้านเล็กๆ ในจังหวัดขอนแก่น
ช่วงปีใหม่ผมไปเที่ยวบ้านของแม่ยายเห็นว่า เป็นธรรมชาติดี

ต้องเข้าใจว่าคนอังกฤษอยู่บ้านนอกไม่ได้เพราะชนบทมีพื้นที่นิดเดียว
พวกขุนนางยึดหมด คนยากจน จึงอยู่ชนบทไม่ได้ ต้องไปอยู่ในเมืองที่สกปรก
แออัด คนอังกฤษที่ยังรวยไม่ถึงขั้น เช่นพ่อของผม มีเงินเยอะ
แต่ก็ยังรวยไม่ถึงขั้น เพราะยังอยู่ในเมือง วัดจากคนที่อยู่
กลางเมืองใหญ่ๆ จะเป็นคนจนที่สุด
ที่อยู่ชานเมือง จะเป็นพวกครู ข้าราชการ อะไรแบบนั้น เป็นผู้จัดการ
ก็ยังอยู่ในเมือง ส่วนคนที่จะได้อยู่บ้านนอก จะต้องเป็นคนรวยถึงขั้นจริงๆ
เป็นพวกขุนนางใหญ่โต
มันเป็นเรื่องแปลก ผมมาอยู่ที่ขอนแก่น เห็นแต่ละคน
มีที่ดินเยอะมาก ชาวบ้านธรรมดา คนเดียวมีถึง ๕๐ ไร่ ๒๐๐ กว่าไร่ก็มี
พ่อแม่ผมมีแค่ ครึ่งไร่เท่านั้นเอง แต่อยู่บ้านนอกที่นี่ โอ้โฮ..มีเยอะมาก
สะอาดด้วย อากาศก็ดี ตอนแรกได้กลิ่น ผมก็ว่ากลิ่นอะไร อ๋อ
มันกลิ่นธรรมชาติ ผมไม่เคยดมมาก่อน โอ้สุดยอดเลยบ้านนอก
คนอื่นว่าฝรั่งมันบ้า เพราะเขาไม่คิดว่า ทำไมฝรั่งอยากไปอยู่บ้านนอก
เขาคิดว่าฝรั่งมีแต่คนรวย ฝรั่งไม่มีคนยากจน เขาไม่รู้จริงๆ ว่าฝรั่งส่วนมากลำบาก
บ้านก็ไม่มี ที่ดินก็ไม่มี เป็นขี้ข้าเขาหมด ลูกก็ไม่มีอนาคต

ปัญหาของระบบทุนนิยมคือเรื่องเงิน เงินถูกจำกัดเป็นก้อนเล็กๆ
คนรวยกวาดเงินไปเยอะ จนเหลือนิดเดียว มันแบ่งกันไม่ลงตัว
ทำให้มีคนจนเยอะ
ถ้ามีคนรวย ๑ คน จะมีคนจน เป็นร้อยเลย ระบบทุนนิยมจึงอยู่ได้
ปัญหาของคนยากจนคือ ทำยังไง จะมีชีวิตที่ดี เราจะหลุดพ้น
จากความยากจนได้ ต้องหาสิ่งที่ไม่ใช่เงิน อันนี้เป็นจุดเด่นของประเทศไทย
ชาวบ้านธรรมดา อาจจะไม่มีเงินเยอะ แต่เขาสามารถจะหาหลายสิ่งหลายอย่าง
ที่มีคุณค่า มากกว่าเงินตั้งเยอะ

แค่อยากหาคำตอบให้ชีวิต
ผมตกลงกับแฟนว่าเราจะไปอยู่บ้านนอก ผมจะไม่รับจ้างสอนภาษาอังกฤษ
เขาก็ตกลง แต่ปัญหาคือ ผมทำเกษตรไม่เป็น ช่วงแรกก็ลำบาก
ต้องกลับมาแบกอิฐเหมือนเดิม
วันละร้อยยี่สิบบาท โอ้โฮ...เหนื่อย เพราะที่อังกฤษ ถึงจะแดดร้อน
แต่อากาศเย็น เดินไม่ได้ ต้องวิ่ง ก็อุ่นได้
แต่ขอนแก่นช่วงนั้น เป็นเดือน ๔ อากาศร้อนมาก
๔๐ กว่าองศา บางครั้ง ผมเป็นลม เขาเอาน้ำมาสาด โอ๊ย.! ฝรั่งมันบ้า
ทำไม ไม่กลับบ้าน คิดผิดหรือเปล่า ทำไมต้อง มาลำบากขนาดนี้
เขาคิดว่า ผมเป็นฆาตกร
ไปฆ่าคนที่อังกฤษ แล้วกลับบ้านไม่ได้ หนีคดีมา ความจริงไม่ใช่
ผมก็แค่อยากหาคำตอบในชีวิต บางเรื่องเท่านั้น อยากหาความสุข
ที่เป็นแบบ ยั่งยืนสักหน่อย

บางครั้งก็คิดหนีไปที่อื่นเหมือนกัน แต่ผมไม่รู้ว่า
ถ้าอยู่ที่นี่ไม่ได้จะไปอยู่ที่ไหน คิดว่า เราต้องหาคำตอบให้ได้
ปัญหาอาจจะอยู่ที่ตัวของผมเอง แต่ในภาพรวมที่นี่ดี สิ่งแวดล้อมดี สะอาด
ถ้าเรามีลูก เราอยากให้ลูกของเราอยู่ในที่สะอาด อาหารธรรมชาติฟรีๆ
ก็มีเยอะมาก ในภาคอีสาน เห็ดแดง หน่อไม้ ไข่มดแดง ดอกกระเจียว ผักอีหรอก
แมงคับแมงคาม ขี้กะปอมเยอะ แต่บางคนก็ไม่กินนะ บางคนก็กิน ซึ่งมันดีมากเพราะว่า
๑.สะอาด อาหารธรรมชาติ ไม่มีใครไปใส่ปุ๋ยเคมี
๒.ไม่ได้ซื้อ ไม่ได้ใช้เงิน
ขอให้ขยันเดินไปเก็บ สมัยก่อน ที่อังกฤษ ผมจะเดินแบกอิฐทั้งวัน
เมื่อได้เงินแล้ว ก็เอาเงินเกือบทั้งหมดไปซื้ออาหารในร้าน
ฝรั่งส่วนมาก ทำงานหนักทุกวัน แต่เงินที่เขาได้
มันเพียงพอที่จะซื้ออาหารกินเท่านั้น ไม่มีเงินเหลือ ฝากธนาคาร

นิยามความรวยกับความจน
มันเป็นเรื่องแปลกนะที่ประเทศไทย คนยากจนมีหนี้สินเยอะ
ที่อังกฤษมีแต่คนรวย ที่มีหนี้สิน
คนจนไม่มีหนี้ เพราะเขาไม่ให้คนจนยืมเงิน
เนื่องจากกลัวจะไม่มีปัญญาใช้คืน จึงไม่มีสิทธิ์ มีหนี้สิน
แต่คนรวยยืมเงินได้
คำว่ารวยกับคำว่าจน มันคืออะไรกันแน่ ?

ที่ขอนแก่นเขาว่าผมบ้าบ้าง ฝรั่งยากจนบ้าง ฝรั่งตกอับบ้าง ฝรั่งขี้นก
ฝรั่งไม่มีเงิน แต่ผมบอกว่า ไม่ใช่ ผมรวยนะ เขาถามว่ารวยได้ยังไง
ผมบอกว่า
๑. ผมมีบ้าน ผมทำบ้านเล็กๆ เป็นกระท่อมน้อยๆ เอาหญ้ามามุงหลังคา
ชาวบ้านเรียกว่า เถียงนา ไม่ใช่บ้านหรอก ผมบอกว่าใช่ มันบ้านของผม
ไม่ใช่บ้านเจ้านาย ราคาหนึ่งหมื่นสองพันบาท อยู่ได้ครับ
มันกันแดดกันฝนได้ แค่นั้นผมก็รวยแล้ว

๒. มีที่ดิน แค่ ๖ ไร่เท่านั้นเอง ที่นั่นเขาบอกว่ากระจอก มีนิดเดียว
แต่สำหรับฝรั่ง มันเยอะมาก จริงๆ ผมคิดว่า มันเป็นเรื่องสำคัญ
เป็นพื้นฐานของชีวิต เราต้องมีที่อยู่อาศัยเป็นของเรา ไม่ใช่ของเจ้านาย
เพราะว่าถ้ามันเป็นของเจ้านาย เราต้องไปหาเงินให้เขา ถ้าเราไม่มีเงิน
เขาก็ไล่เราออก เราไม่มีที่อยู่นะ เพราะฉะนั้น
ต้องมีบ้านเป็นของตัวเองไว้ก่อน
ซึ่งผมก็มีบ้าน คิดว่าลูกของผม จะต้องมีบ้านแน่ๆ ด้วย
เรื่องเกษตรผมทำไม่เก่ง
แต่ที่ทำได้ง่ายคือ ปลูกต้นไม้ ไม้ประดู่ ไม้สะเดา ไม้ยาง
ปลูกไว้ให้ลูกสร้างบ้าน ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้โตเร็วมาก แค่ ๒๕-๓๐ ปี
ตัดได้แล้ว ไม่เหมือนอังกฤษ ๒๐๐ ปีได้เท่านี้เอง เพราะอากาศเย็น
เป็นเรื่องแปลก ที่คนไทยจะบ่น โอ๊ย..มันร้อนๆ ผมว่ากลับเป็นเรื่องดี
แสงแดดเยอะ จะทำการเกษตรได้ ตลอดเวลา ๑ ปี ทำได้ทุกวัน
แต่คนไทยจะบ่นร้อนๆ ไม่เอาๆ
อยากเป็นคนผิวขาวดีกว่า แต่คนอังกฤษ เขาถือคนผิวขาวเป็นคนจน
เพราะว่าไม่มีปัญญา จะไปเมืองนอก ซึ่งกลับกันเลย แม้แต่พ่อของผม
เขาก็ยังมีเครื่องอาบแดดเพื่อให้ผิวเป็นสีแทน ให้ดูเป็นแบบคนมีสตางค์
แต่คนไทย กลับอยากมีผิวขาว

วิธีคิดไม่ธรรมดาของมาร์ติน วีลเลอร์
ผมมีลูก ๓ คน ชาย ๒ หญิง ๑ สิ่งสำคัญที่สุด ๒ เรื่องในชีวิตของเราคือ
๑.ต้องมีบ้าน เป็นของตัวเองให้ได้ จึงจะถือว่า ชีวิตประสบความสำเร็จ
๒.ต้องมีงานทำทุกวัน ไม่ได้จำกัดว่า ต้องเป็นงานอะไร แต่ขอให้ มีงานทำทุกวัน
ชีวิตจึงจะไม่สูญเปล่า วิธีเดียวที่รับประกันได้ว่า ลูกมีงานทำ
คือการมีที่ทำกินให้เขา และเราต้องช่วยให้เขาทำเป็น
ผมคิดว่าคนชนบทจริงๆใครมีที่ดินทำกินแล้วจะไม่ตกงาน เว้นแต่คนขี้เกียจ
ซึ่งบางคนมีที่ดินเยอะ
แต่ไม่ยอมทำ ถ้าเราสั่งสอน ให้ลูกรู้จักทำมาหากิน เขาก็ไม่ตกงาน
ผมถือว่างานที่อิสระ และมีประโยชน์ มากที่สุด
คืองานเกษตรซึ่งช่วยให้เรากินอิ่มทุกวัน คนอังกฤษกินไม่อิ่มเยอะมากนะ
ผมไม่อยากให้ลูกของผมอดอาหาร อยากให้ลูกกินอิ่มในลักษณะที่ส่งเสริมสุขภาพด้วย
กินอาหาร ที่ไม่มีสารพิษ กินอาหารแบบเรียบง่ายก็ได้ แต่อิ่มทุกวัน
เมื่อมีบ้าน มีงาน มีอาหาร ลูกของผม ก็จะรวยที่สุด ผมอยากให้ลูกอยู่บ้านนอก
เพราะว่าสะอาด
จ้างเท่าไหร่ ก็ไม่อยาก ให้ไปอยู่ ในเมืองหรอกเพราะสกปรก แออัด
สำคัญที่สุดคือเรื่องของสังคม ผมไม่อยากให้ลูกไปอยู่ในเมือง เพราะว่า
คนเมืองเห็นแก่ตัว วิ่งไปหาเงินอย่างเดียว แข่งขันกันเยอะ
เดี๋ยวก็ฆ่ากัน ด่ากันทุกวัน ไม่สงบ อยากให้ลูกอยู่บ้านนอก
เขาจะได้สิ่งที่หายากที่สุดในโลก

คนอีสานบ้านนอกเป็นคนดีมากนะ มีน้ำใจ รู้จักช่วยเหลือคนอื่น
เอื้ออาทรกัน เกื้อกูลกัน แบ่งปันกัน ไม่แข่งขันกัน
ความเป็นชุมชนเป็นสิ่งที่หายากนะ
ถ้าเราไปอยู่ในเมือง จะอยู่แบบ ของใครของมัน บ้านคนละหลัง
ครอบครัวคนละหลัง
ไม่รู้จักกัน ถ้าเราอยู่ในชุมชนเล็กๆ เราก็ช่วยเหลือกันได้
คุยกันได้ แบ่งปันกันได้ ในที่สุดเราก็จะเป็นคนมีน้ำใจได้

ลูกของผมเขาเป็นคนมีน้ำใจ เขาอาจจะไม่มีเงิน
ไม่ได้เรียนหนังสือสูงๆ
แต่เขาจะมีสิ่งที่ดีกว่านั้นเยอะ คือเขาจะมีที่อยู่อาศัย มีชุมชนที่ดี
ไม่มียาเสพติดไม่มีการพนัน ไม่มีอาชญากรรม มันน่าอยู่
ขอให้เราอยู่ในชุมชนที่เป็นแบบนั้น
มันก็ดีนะ ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องเป็นห่วง ลูกก็จะเป็นคนดี ไม่ติดยา
ไม่ขี้ขโมย ไม่เล่นไพ่ มีน้ำใจและรู้จักช่วยเหลือคนอื่นลูกผมเรียน
หนังสือไม่เก่ง ปีนี้เขาได้คะแนนเป็นอันดับที่ ๑๙ ในห้องของเขา
มีนักเรียน ๓๙ คน มันเดินสายกลาง พอดีเลย (หัวเราะ)

แต่ผมไม่ได้สนใจเรื่องอันดับคะแนนหรอก
ครูเขาเขียนถึงอุปนิสัยของลูกว่า
เป็นคนที่มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่น ซึ่งผมไม่ได้สอนแบบนั้น
ฝรั่งส่วนมากจะเห็นแก่ตัว ผมเคยอยู่ ในสังคม อย่างนั้นมาก่อน
มันเปลี่ยนยากครับ ผมจึงไม่ได้สอนให้ลูกเป็นคนมีน้ำใจ
แต่มันเป็นที่ชุมชน เป็นวิถีชีวิต
ของคนอีสาน ที่เริ่มซึมเข้าไปในกระดูกของเขา ทำให้ลูกอายุแค่ ๘ ขวบเป็น
คนมีน้ำใจ ผมถือว่าสุดยอดแล้ว ผมภูมิใจในตัวของลูกมากๆ
เรื่องเรียนไม่สำคัญหรอก
สำคัญที่สุดนั้น เป็นความมีน้ำใจถ้าเขาสามารถรักษาสิ่งนี้ไว้ตลอดชีวิต
ผมคิดว่า เขาคงมีความสุขแน่

วิเคราะห์เจาะลึกอีสานบ้านเฮา
ผมเคยบังคับลูกชายคนแรก ตอนอายุประมาณ ๓ ขวบ จับมานั่ง
สอนภาษาอังกฤษ
เขาก็ร้องไห้ ๆ ไม่เอาๆๆ ผมก็คิดว่า เอ๊ะ..เราน่าจะเลิกทรมานเด็ก
ปล่อยให้เขามีความสุข ตั้งแต่วันนั้น ผมบอก จะไม่สอนเขาอีก
แต่ถ้าอยากเรียนมาบอกผม จะสอนให้ ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้
เขายังไม่บอกผมเลย
ผมก็มาคิดว่า จะให้ลูกเรียนภาษาอังกฤษเพื่ออะไร ในหมู่บ้าน ของผมมี ๕๐ ครอบครัว
ทุกคนพูดอีสานอย่างเดียว แม้แต่ผมก็ยังพูด แล้วจะให้เขาเรียนภาษาอังกฤษ
เพื่ออะไร?

สมมุติว่าลูกของผมอยากอยู่ในหมู่บ้านนี้ตลอดชีวิต
ภาษาอังกฤษก็จะเป็นความรู้
ที่ไม่เป็น ประโยชน์อะไรทั้งสิ้น ผมเคยเรียกว่า มันเป็นวิชาขี้ข้า
เอาไว้รับจ้างเฉยๆ เอาไปหาเงิน คนที่มีความรู้ ภาษาอังกฤษ
จะเอาอันนี้แลกกับเงินอย่างเดียว เขาไม่ได้เรียนเพื่อชีวิตของเขา
เขาอยากเอาเงิน ไปทำงานสูงๆ หน่อย

ปัญหาของคนอีสานมีมากในเรื่องของการศึกษา
คนอีสานส่วนมากไม่อยากให้ลูกเป็นคนอีสาน
ไม่อยากให้ลูกเป็นคนบ้านนอก
ไม่อยากให้ลูกพูดภาษาอีสาน อยากให้พูดไทย ชาวบ้านส่วนมาก
คิดอยากให้ลูกได้ดีในชีวิต คิดว่าสิ่งที่ดีในชีวิตของลูกคือ
๑.ไม่ได้พูดอีสาน พูดแต่ภาษาไทย
๒. พูดภาษาอังกฤษด้วย
๓. เล่นคอมพิวเตอร์ได้
๔.ไปอยู่ในเมือง
๕.ไปรับจ้างเขา
๖. ไปสร้าง หนี้สิน ไปซื้อบ้านหลังเล็กๆ ราคา ๒ ล้าน ๓ ล้านบาท

เขาคิดว่า อย่างนี้ลูกของเขาได้ดี ซึ่งผมไม่เห็นด้วย
ผมก็อยากให้ลูกของผมได้ดีเหมือนกัน แต่ภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ปัจจัย
ที่จะช่วยให้เขาได้ชีวิตที่ดี อาจจะเอาไปแลกเงินในบางช่วงได้ แต่ผมหวังว่า
ลูกของผม จะมีความคิด สูงกว่านั้น ชีวิตน่าจะมีไว้เพื่อหาสิ่งที่ไม่ใช่เงิน
ถ้าเขาเรียนรู้ เพื่ออยาก จะหาเงิน อย่างเดียวก็น่าเสียใจนะ
เพราะความรู้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่การเรียนรู้
เป็นสิ่งที่เราต้องทำ
ทุกวันตลอดชีวิต เราหยุดเรียนรู้ไม่ได้ แต่เราไม่น่าจะเรียน
เพื่อเอาความรู้ เอาปริญญา ไปแลกกับเงิน ทำให้ความรู้ไม่มีคุณค่า

จุดอ่อนจุดแข็งของคนไทย
ผมคิดว่าคนไทยส่วนมากยังไม่เข้าใจระบบทุนนิยม เห็นฝรั่งที่ไหน
ก็คิดว่ารวยหมด คิดว่าการพัฒนา ในระบบทุนนิยมจะทำให้ทุกคนมีเงิน
ไม่เข้าใจว่าประเทศที่พัฒนา
ระบบทุนนิยม นานแล้ว เช่น อังกฤษ สหรัฐ มีปัญหาเยอะมาก
แต่คนไทยก็คิดว่า เมืองนอก ดีกว่า อันนี้จุดอ่อนครับ คือคนไทยสนใจ
เมืองนอก ไม่ได้สนใจ ประเทศไทย

ผมเป็นฝรั่ง คุณเลยนั่งฟังผม ถ้าผมเป็นชาวบ้าน คุณจะไม่สนใจผม
อันนี้เป็นจุดอ่อนนะ แต่จุดแข็งคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
แผ่นดินประเทศไทย อุดมสมบูรณ์มากๆ ที่ดินเยอะมาก น้ำเยอะมาก
แสงแดดเยอะมาก ทำเกษตรอยู่รอดแน่ เป็นพลังแผ่นดิน
ใครๆ ก็อยากได้ประเทศไทย ผมก็ได้ถึง ๖ ไร่

คนไทยโชคดีมากๆ
ที่ได้ในหลวง เป็นผู้นำ พระองค์ท่านเป็นคนที่ทำงาน หนักมาก
เพื่อช่วยให้คนคิดได้ ช่วยให้คนอยู่ได้ จะหากษัตริย์ ในประเทศอื่น
ไม่ค่อยมีแบบนี้ ปัญหาคือคนไทยส่วนมากนับถือในหลวง
แต่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสอนของในหลวง
พระองค์ท่าน บอกมา ๒๗ ปีถึงเศรษฐกิจพอเพียง
แต่คนไทย ก็ไม่รู้จักพอเพียง เอาอย่างเดียว ถึงยกมือไหว้ในหลวง
แต่เวลาดำรงชีวิต ไม่ได้ทำตามในหลวง ก็ในหลวงบอกไว้แล้วว่า
ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเสือ
ขอให้มีอยู่มีกินไว้ก่อน ถ้าทุกคนเริ่มคิดจริงๆ ถึงสิ่งที่ในหลวงพูด
เราน่าจะช่วยให้ประเทศไทยอยู่ได้ เพราะความคิด ของในหลวง
เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง
ต้องอาศัย พลังแผ่นดิน ทำได้เฉพาะประเทศไทยนะ เศรษฐกิจพอเพียง
ที่อื่นทำไม่ได้หรอก เพราะเขาไม่มีที่ดิน ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเยอะ
เหมือนประเทศไทย
พวกคุณโชคดีที่ได้แผ่นดินดีๆ ได้ผู้นำที่ดีด้วย
และเรื่องที่ ๓
เรื่องศาสนา ผมคิดว่าศาสนาพุทธ มีความสำคัญมากๆ สำหรับคนไทย
ไม่ใช่แค่นับถือไหว้พระ
แค่นั้นไม่พอ แต่อยู่ที่การปฏิบัติด้วยนะ มักน้อย สันโดษ พอเพียง
ธรรมะคือธรรมชาติ เป็นเรื่องง่ายๆ พึ่งตนเองก็ได้ ปรัชญาของ
ศาสนาพุทธ ทำได้นะ แต่คนไทยจำนวนน้อยที่เข้าใจ จริงๆ แล้วศาสนาพุทธ
เป็นศาสนาที่ออกแบบให้เหมาะสม สำหรับคนบ้านนอก ให้ใช้ชีวิตร่วมกับ ธรรมชาติ
โดยไม่ทำลาย ไม่เอาเปรียบ แต่ให้เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

อยากบอกอะไรคนไทย
คุณโชคดีมากๆ ที่เกิดในประเทศไทยที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ต้องไปรบกับใคร
ไม่ต้องไปเอาน้ำมัน จากใคร ไม่ต้องไปเบียดเบียนคนอื่น ประเทศไทยอยู่ได้
กินอิ่ม มีเหลือแจกด้วย อย่าไปคิดเรื่องเงินอะไรมาก
อย่าลดคุณค่าความเป็นไทยของตัวเองลง คนไทยส่วนมาก นิสัยดีจริงๆ
คนไทยมีน้ำใจ หายากนะ คนไทยมีพระเจ้าอยู่หัวมีแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์
มีศาสนาพุทธ ที่ดีมาก
ทั้ง ๓ อย่างนี้พยายามรักษาเอาไว้ให้ได้ ชีวิตที่ไม่ทะเยอทะยานเกินไป
คือชีวิต ที่มีคุณภาพ ชาวบ้านทุกคนทำได้ ผมเองถึงยังทำไม่สำเร็จ
แต่มั่นใจว่าจะทำได้แน่ในอนาคต ถ้าผมทำได้
คนอื่นก็คงทำได้ง่ายกว่าผมเยอะ
ทุกอย่างอยู่ที่เรา ถ้าเราไม่อยากได้อะไร มากเกินไป ในชีวิต
ชีวิตมันก็ง่าย
พยายามทำให้ชีวิตมันง่ายขึ้น
อย่าให้มันสับสน อย่าให้มันลำบาก
พยายามรักษา สิ่งแบบนี้ให้ดี และอย่าเชื่อฝรั่งมากเกินไป..........
[SIZE=14]
ภาพประจำตัวสมาชิก
Amelia
แม่ไข่นกกระทา พ่อไข่จะละเม็ด
 
โพสต์: 2791
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 19, 2006 5:45 pm
ที่อยู่: ใกล้ๆรังสิต

โพสต์โดย missEsaan » พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 5:44 am

เคยอ่านแล้วเหมือนกัน จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐหรือ มติชน จำไม่ได้แล้วแต่ฝรั่งส่วนน้อย(มาก)ที่คิดได้เหมือนคุณ มาตินเธอแม้แต่คนไทยก็เถอะยังคิดดูแคลนชาวไร่ชาวนาคนที่มีการศึกน้อยเลยอยากให้คนไทยที่อยู่ต่างประเทศบางจำพวกได้อ่านเหมือนกันจะได้ไม่เห็นฝรั่งต่างชาติเป็นพระเจ้า missEsaan เองรักเมืองไทยมากไม่มีที่ไหนมีและอุดมสมบูรณ์เหมือนเมืองไทย แต่เหตุการณ์ต้องอยู่ต่างประเทศที่ตัวเองไม่ตั้งใจนัก เพราะเทวดาทำหล่นตุ๊บลงนิวยอร์กเลยต้องเป็นไปตามกรรม อ่านแล้วชื่นใจประเทศไทยของฉัน รักเธอประเทศไทย ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆมาให้อ่านอีกจ้า
ภาพประจำตัวสมาชิก
missEsaan
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 49
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 19, 2006 9:03 pm

โพสต์โดย RainyCity » ศุกร์ พ.ย. 30, 2007 8:11 pm

อยากจะขอบคุณมากๆเลยค่ะที่นำข้อความดีมาหมอบให้คนไทยได้อ่าน(ถึงไม่ใช่คนไทยทุกคนก็เถอะค่ะ)
ต่ายเห็นดัวยอย่างยิ่งกลับความคิดและข้อมูลของคุณมาร์ติน ต่ายก็เป็นคนไทยส่วนหนึ่งที่ได้มาอยูและเติบโตที่ต่างประเทศ แต่ต่ายตั้งใจไว้ว่าเรียนจบเมื่อไหรต่ายจะกลับไปตั้งรากฐานใหม่ที่ไทยค่ะ อยากจะนำความรู้ที่ได้เรียนรู้มาจากที่นี่กลับไปใช้ที่ไทยช่วยเหลือคนไทยอย่างน้อยก็อยากจะช่วยคนที่ต่ายรู้จักได้รับรู้และรักชาติของตัวเองมากขึ้น ต่ายรักประเทศไทยมากๆค่ะ รักในหลวงมากๆและยอมรับว่าต่ายรักได้แต่ปากเพราะยังไม่เคยทำตามที่ท่านสอนเลย แต่หลังจากได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้แล้วละอายตัวเองค่ะไม่คิดว่าจะมีคนต่างชาติที่เติบโตจากที่อื่นสามารถรักในหลวงและประเทศชาติเราได้ขนาดนี้ ไม่ใช่แค่ว่ารักแต่ปากเหมือนต่ายดัวยนะแต่เขาทำได้ดัวย ต่ายนับถือเขามากๆเลยค่ะ ก็อยยากจะขอบคุณอีกครั้งค่ะที่ได้นำข้อมูลดีๆแบบนี้มาลงอีกไม่รู้ว่าจะต้องขอบคุณกี่ครั้งเพราะต่ายชอบมากๆค่ะกับกระทู้นี้ขอบคุณอย่างยิ่งค่ะ
<b><span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>หนูต่าย ^^</span></span></b><br><br><img src='http://www.geocities.com/kontood206/amigos_por_siemp.jpg' border='0' alt='user posted image' />
ภาพประจำตัวสมาชิก
RainyCity
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 2
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 26, 2007 2:19 am

โพสต์โดย keng » อาทิตย์ ธ.ค. 16, 2007 3:31 pm

<span style='font-family:Times'><span style='font-size:21pt;line-height:100%'><span style='color:red'>ขอบคุณพี่หมูแดงค่ะ</span></span></span>
<span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='font-family:Courier'>JIRATCHAYA</span></span></span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
keng
แม่ไข่ดาว พ่อไข่เจียว
 
โพสต์: 395
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ เม.ย. 30, 2007 6:11 pm

โพสต์โดย Sweetcapucino » จันทร์ ธ.ค. 17, 2007 10:45 am

ขอบคุณพี่หมูแดง และพี่แจ๋ที่เอาบทความดีๆ มาให้อ่าน เราก็ได้แต่รอดูกันไปว่าเมืองไทยของเราจะเปลี่ยนไปในทิศทางใด
<img src='http://i86.photobucket.com/albums/k106/Tawannant/Kopievan271.jpg' border='0' alt='user posted image' /><br><br><span style='font-size:14pt;line-height:100%'> สวัสดีครับผมชื่อน้องจิลล์ ตะวันครับ </span>
ภาพประจำตัวสมาชิก
Sweetcapucino
แม่ไข่ยัดไส้ พ่อไข่ลูกเขย
 
โพสต์: 832
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 14, 2006 8:20 pm

โพสต์โดย แม่มีนา » จันทร์ ธ.ค. 17, 2007 6:45 pm

ขอบคุณค่ะ ที่เอามาให้ได้อ่าน ความคิดที่ดีๆ เอามาแบ่งปันกันจะได้เกิดผลดีๆต่อๆไปนะคะ ไม่สูญหาย เงียบหายไปเฉยๆ พึ่งได้เข้ามาอ่านด้วยคนค่ะ คิดดีจัง
ภาพประจำตัวสมาชิก
แม่มีนา
แม่ไข่ดาว พ่อไข่เจียว
 
โพสต์: 500
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 26, 2006 3:10 pm

โพสต์โดย artita_nan » พฤหัสฯ. ธ.ค. 20, 2007 8:09 pm

ขอบคุณพี่หมูแดงที่นำบทความดี ๆ มาโพส์ให้ได้อ่านกันนะคะ ส่วนตัวแล้วแนนเห็นด้วยมาก ๆ กันบทความ หลังจากอ่านแล้วก็อดที่จะแสดงความคิดเห็นไม่ได้ แนนก็เป็นอีกคนหนึ่งที่อยู่ต่างบ้านต่างเมือง ในความคิดส่วนตัว ไม่มีประเทศไหนในโลกที่จะอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าวเหมือนประเทศไทย และความโอ้บอ้อมอารีย์ เอื้อเฟื้อเผื่อแพ่ ยิ้มแย้มแจ่มใส จริงใจและมีน้ำใจนั้น คนไทยเป็นที่ 1 เลยค่ะ แนนทำงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในต่างประเทศ ขอยืนยันว่าเสียงตอบรับของประเทศไทยโดยรวมดีมาก ๆ อันดับต้น ๆ ที่คนพูดถึงคือ ความสวยงามของประเทศ ความจริงใจ มีน้ำใจ และมีพระมหากษัตริย์ที่ยอดเยี่ยมยากที่จะหากษัตริย์องค์ใดเทียบเทียมเท่า ความรู้สึกของแนนที่ได้ฟังนั้น ตื้นตันใจมาก ๆ อย่างที่สุด และรู้สึกภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย อีกเรื่องที่อยากจะฝากถึงคนไทยก็คือ ถ้าหากคนไทยตระหนักถึงคำว่า "พอเพียง" "ความไม่โลภ เป็นลาภอันประเสริฐ์" มากกว่านี้ และลดวัตถุนิยมต่าง ๆ ลง ปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทของในหลวง และดำรงตนอยู่ในศีลธรรมตามคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนา ปัญหาต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้น ก็คงไม่มี
ภาพประจำตัวสมาชิก
artita_nan
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 2
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 19, 2007 8:53 pm

โพสต์โดย artita_nan » พฤหัสฯ. ธ.ค. 20, 2007 8:10 pm

[FONT=Arial][SIZE=1][COLOR=green]ขอบคุณพี่หมูแดงที่นำบทความดี ๆ มาโพส์ให้ได้อ่านกันนะคะ ส่วนตัวแล้วแนนเห็นด้วยมาก ๆ กันบทความ หลังจากอ่านแล้วก็อดที่จะแสดงความคิดเห็นไม่ได้ แนนก็เป็นอีกคนหนึ่งที่อยู่ต่างบ้านต่างเมือง ในความคิดส่วนตัว ไม่มีประเทศไหนในโลกที่จะอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าวเหมือนประเทศไทย และความโอ้บอ้อมอารีย์ เอื้อเฟื้อเผื่อแพ่ ยิ้มแย้มแจ่มใส จริงใจและมีน้ำใจนั้น คนไทยเป็นที่ 1 เลยค่ะ แนนทำงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในต่างประเทศ ขอยืนยันว่าเสียงตอบรับของประเทศไทยโดยรวมดีมาก ๆ อันดับต้น ๆ ที่คนพูดถึงคือ ความสวยงามของประเทศ ความจริงใจ มีน้ำใจ และมีพระมหากษัตริย์ที่ยอดเยี่ยมยากที่จะหากษัตริย์องค์ใดเทียบเทียมเท่า ความรู้สึกของแนนที่ได้ฟังนั้น ตื้นตันใจมาก ๆ อย่างที่สุด และรู้สึกภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย อีกเรื่องที่อยากจะฝากถึงคนไทยก็คือ ถ้าหากคนไทยตระหนักถึงคำว่า "พอเพียง" "ความไม่โลภ เป็นลาภอันประเสริฐ์" มากกว่านี้ และลดวัตถุนิยมต่าง ๆ ลง ปฏิบัติตามพระบรมราโชวาทของในหลวง และดำรงตนอยู่ในศีลธรรมตามคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนา ปัญหาต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้น ก็คงไม่มี
ภาพประจำตัวสมาชิก
artita_nan
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 2
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 19, 2007 8:53 pm

โพสต์โดย mommam » ศุกร์ ธ.ค. 21, 2007 11:04 am

สวัสดีค่ะ พี่หมูแดง มอมแมม อ่านแล้ว ประทับใจในบทความที่นำมาให้โพส์นี้ และดีใจที่คนฝรั่งรักเมืองไทยด้วย ในบทความนี้ให้ความคิดการใช้ชีวิตพอเพียงของในหลวง และ มอมแมม ดีใจที่ได้เกิดมาบนพื้นแผ่นดินไทย

ขอบคุณ พี่หมูแดง มากค่ะ

<a href='http://www.glitter-graphics.com' target='_blank'>รูปภาพ</a>
<span style='color:red'><b>*~ L O V E ~*</b></span><br><a href=http://www.glitter-book.com><img src=http://dl6.glitter-graphics.net/pub/207/207886wyf8s5ujz3.jpg width=96 height=96 border=0></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
mommam
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 2
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 13, 2007 4:41 pm
ที่อยู่: Saarland

โพสต์โดย mommam » ศุกร์ ธ.ค. 21, 2007 11:05 am

สวัสดีค่ะ พี่หมูแดง มอมแมม อ่านแล้ว ประทับใจในบทความที่นำมาให้โพส์นี้ และดีใจที่คนฝรั่งรักเมืองไทยด้วย ในบทความนี้ให้ความคิดการใช้ชีวิตพอเพียงของในหลวง และ มอมแมม ดีใจที่ได้เกิดมาบนพื้นแผ่นดินไทย

ขอบคุณ พี่หมูแดง มากค่ะ

<a href='http://www.glitter-graphics.com' target='_blank'>รูปภาพ</a>
<span style='color:red'><b>*~ L O V E ~*</b></span><br><a href=http://www.glitter-book.com><img src=http://dl6.glitter-graphics.net/pub/207/207886wyf8s5ujz3.jpg width=96 height=96 border=0></a>
ภาพประจำตัวสมาชิก
mommam
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 2
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 13, 2007 4:41 pm
ที่อยู่: Saarland

โพสต์โดย ratree » อาทิตย์ ธ.ค. 30, 2007 2:00 pm

Hello! Iam just reading. //Ratree
ภาพประจำตัวสมาชิก
ratree
แม่ไข่ตุ๋น พ่อไข่ต้ม
 
โพสต์: 1
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ พ.ย. 19, 2007 4:08 pm

โพสต์โดย chaba » อังคาร ม.ค. 08, 2008 10:56 am

ขอบคุณสำหรับบทความและข้อคิดดีๆคะ
<img src='http://i929.photobucket.com/albums/ad139/altenfurt/SDC19976.jpg' border='0' alt='user posted image' />
ภาพประจำตัวสมาชิก
chaba
แม่ไข่ดาว พ่อไข่เจียว
 
โพสต์: 463
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ เม.ย. 24, 2006 1:54 pm

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง Web Moderator

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Majestic-12 [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน
cron