ขนมดอกจอก (D)

[{@-Enya-@}]

แล้วก็คนให้พอเข้ากันนะคะ จากนั้นก็ค่อยๆทยอยเทน้ำเปล่าใส่ลงไปเลยค่ะ ระหว่างเทน้ำใส่ก็คนๆไปด้วยนะคะ

[{@-Enya-@}]

คนๆให้เข้ากันดี ส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกัน น้ำตาลละลายจนหมด แป้งไม่เป็นเม็ด ก็จะได้ส่วนผสมออกมาเป็นแบบนี้จ้า

[{@-Enya-@}]

จริงๆส่วนผสมตามภาพด้านบนนี่ ก็เป็นส่วนผสมขนมดอกจอกที่พร้อมจะนำไปทอดได้แล้วนะคะ แต่ว่าเราต้องการเพิ่มสีสัน ความน่าทาน และคุณค่าทางอาหารให้กับขนมดอกจอก เราก็เลยจะใส่งาดำลงไปด้วยค่ะ งาดำนี่ใครจะใส่เท่าไหร่ มีเท่าไหร่ก็ได้ค่ะ เอาตามชอบเลย แต่ปรกติก็น่าจะราวๆ ๑/๔ ถ้วย พิมชอบงาดำเป็นพิเศษค่ะ ก็เลยใส่ซะ ๑/๓ ถ้วย ค่อนข้างไปทาง ๑/๒ ถ้วยเลยค่ะ แต่ทยอยใส่ตอนเทใส่ถ้วยเล็กนะคะ ไม่ได้ใส่รวดเดียว

[{@-Enya-@}]

พอใส่งาดำลงไปแล้วก็คนๆให้เข้ากันอย่างนี้นะคะ (ใครจะใช้งาขาวก็ได้ค่ะ ไม่ผิดกติกา แต่งาดำสีจะเด่นชัดกว่า)

[{@-Enya-@}]

พอเราเตรียมส่วนผสมเสร็จแล้วก็พักไว้ก่อนนะคะ หันมาดูเตรียมตั้งกระทะกันจ้า หากระทะหรือหม้อก้นลึกสักใบนะคะ จริงๆปรกติพิมจะใช้หม้อก้นลึกมากกว่า แต่วันนี้ทำด้วยสาธิตด้วย ก็ขอใช้เป็นกระทะแล้วกัน เพราะว่าจะได้เห็นกันง่ายๆน่ะค่ะ หากระทะได้แล้วก็เอากระทะขึ้นตั้งเตา ใส่น้ำมันพืชลงไปประมาณ ๑ ลิตร เปิดไฟกลางนะคะ ระหว่างนี้ก็เอาพิมพ์ขนมแช่ไว้ในน้ำมันเลยค่ะ เพื่อให้พิมพ์ขนมร้อน เพราะหากพิมพ์ขนมร้อนไม่ได้ที่ เวลานำมาจุ่มส่วนผสม ส่วนผสมจะไม่ติดพิมพ์ขนมน่ะค่ะ (จะลื่นๆ)

[{@-Enya-@}]

ระหว่างรอพิมพ์ขนมและน้ำมันร้อน เราก็มาเตรียมอุปกรณ์อย่างอื่นกันค่ะ

◊ ถาดและกระดาษซับน้ำมัน โดยปูกระดาษสัก ๓ แผ่น ไว้บนถาดค่ะ เพื่อไว้ผึ่งให้ขนมสะเด็ดน้ำมัน หรือใครจะใช้กระดาษปูบนตะแกรงผึ่งขนมก็ได้นะคะ
◊ ถ้าอยากให้ขนมดอกจอกเป็นดอกบานๆหน่อย ก็ให้หาถ้วยก้นมนๆอย่างถ้วยขนมตะไล ถ้วยขนมถ้วยฟูมาสักใบค่ะ ล้างให้สะอาด เช็ดให้แห้ง แล้วก็คว่ำไว้บนจานในลักษณะอย่างนี้ ส่วนวิธีการว่าจะเอาขนมดอกจอกมาทำอะไรกับถ้วยและจานอันนี้ เดี๋ยวค่อยมาดูกันอีกทีนะคะ

[{@-Enya-@}]

พอน้ำมันร้อนได้ที่แล้วลดไฟเหลือไฟกลาง (หากตอนแรกใช้ไฟแรงกว่านี้) จากนั้นไปดูที่ส่วนผสม คนๆส่วนผสมสักครั้งหนึ่ง (เผื่อมีบางส่วนลงไปนอนก้นกะละมัง) แล้วก็ตักส่วนผสมใส่ถ้วยเล็กๆสัก ๑ ใบค่ะ เพื่อความสะดวกในการชุบพิมพ์ขนม ใส่ลงในกระทะค่ะ

[{@-Enya-@}]

พอพิมพ์ขนมร้อนได้ที่แล้ว ก็จับยกพิมพ์ขนมขึ้นค่ะ (จับตรงปลายกลมๆ) แล้วก็สะบัดๆน้ำมันออกสักหน่อย เพราะหากมีน้ำมันติดที่พิมพ์มากไป ส่วนผสมขนมก็จะไม่ค่อยเกาะติดพิมพ์เท่าไหร่น่ะค่ะ

[{@-Enya-@}]

แล้วก็เอาพิมพ์จุ่มลงในส่วนผสมเลยค่ะ จุ่มให้พอขนมอยู่ขอบพิมพ์เท่านั้นนะคะ อย่าจุ่มพรวดลงไปมิดพิมพ์เชียวนะ ไม่งั้นไม่เป็นดอกจอก แถมตอนทอด รับรองจะส่ายยังไงก็ไม่หลุดออกจากพิมพ์แน่ๆเลยค่ะ หากจุ่มพิมพ์ในส่วนผสมแล้วไม่ติด (ถ้าพิมพ์ร้อนพอดีจะมีเสียงฉ่าๆหน่อย เวลาจุ่มลงไป) แสดงว่าพิมพ์ยังร้อนไม่พอ ให้นำไปแช่น้ำมันในกระทะใหม่นะคะ

[{@-Enya-@}]

พอจุ่มส่วนผสมเรียบร้อยแล้วให้ยกพิมพ์ขึ้น แล้วนำพิมพ์ไปจุ่มลงในน้ำมันในกระทะเลยค่ะ แล้วก็ส่ายๆพิมพ์หน่อย สักพัก พอขนมอยู่ตัว ก็จะหลุดร่อนออกมาจากพิมพ์เองเลยค่ะ ขอย้ำอีกครั้งว่าก่อนลงมือทำ อย่าลืมแช่พิมพ์ขนมในน้ำมันก่อนสัก ๑-๒ คืนนะคะ ขั้นตอนนี้พิมไม่สามารถถ่ายมาให้ดูได้ เพราะว่าทำคนเดียว เกรงจะไม่ทัน และมือที่จับพิมพ์ขนมมันจะต้องส่ายๆ อีกมือไม่สามารถหยุดนิ่งได้ ก็เลยถ่ายภาพไม่ได้น่ะค่ะ แต่คิดว่าที่อธิบายไป สำหรับคนที่ยังไม่เคยทำก็คงจะพอเข้าใจนะคะ

นี่ค่ะ พอส่ายขนมออกจากพิมพ์แล้ว ก็จะออกมาประมาณหน้าตาขนมที่ยังสีขาวๆอยู่น่ะค่ะ

[{@-Enya-@}]

จากนั้นก็ทอดนะคะ ทอดขนมดอกจอกนี่ต้องอย่าใจร้อน อย่าใช้ไฟแรงนะคะ เพราะสีที่ออกมามันจะไม่สม่ำเสมอกัน ทำให้ดูไม่สวย ยังไงอดทนสักนิดนะคะ ให้ใช้ไฟกลางๆในการทอดค่ะ แล้วก็ตรงด้านก้นขนมจะสีเปลี่ยนช้ากว่าด้านบน ตรงด้านบนจะสีเปลี่ยนไวมาก ยังไงตอนทอดครั้งแรกๆก็ระวังนิดนะคะ พอทอดเหลืองได้ที่แล้ว (สีอ่อนจะดูสวยกว่าสีเข้ม แต่สีเข้มจะกรอบกว่าสีอ่อนนะคะ) ก็ตักขึ้นวางบนกระดาษเพื่อให้สะเด็ดน้ำมันค่ะ

แต่ถ้าหากใครชอบดอกจอกที่บานๆละก็ ให้เอาดอกจอกที่เพิ่งขึ้นจากกระทะวางบนก้นถ้วยที่เราเตรียมไว้ก่อนนะคะ แล้วกดดอกจอกเบาๆลงกับก้นถ้วย เพื่อให้ด้านบนดอกบานหน่อยๆ ทิ้งไว้สักแป๊บ พอดอกคงตัวอยู่ได้ก็ยกออก แล้วก็เอาไปวางไว้บนถาด บนกระดาษเพื่อให้ดูดน้ำมันส่วนเกินออกน่ะค่ะ ในรูปนี้สีขนมดอกจอกชิ้นนี้เข้มไปหน่อยค่ะ

[{@-Enya-@}]

นี่ค่ะ รูปตอนพักไว้บนถาด ปริมาณส่วนผสมตามด้านบนทำดอกกลางขนาดที่พิมทำได้ประมาณเกือบ ๖๐ ดอกค่ะ ขนมแถวริมพิมกินเองค่ะ เพราะฉะนั้นเอาสีเข้มๆหน่อย ชอบเป็นการส่วนตัว แถวกลางเป็นของน้องชายพิมค่ะ เขาจะเอาสีอ่อนๆ ไม่ชอบเข้มๆ ส่วนแถวข้างโน้นเอาไปฝากคนอื่นเขาค่ะ เพราะงั้นต้องเอาสีพอดีๆไว้ก่อน

[{@-Enya-@}]

และนี่ก็เป็นหน้าตาโฉมหน้าขนมดอกจอกตามสูตรพิมนะคะ กรอบมากๆเลยค่ะ วิธีการเก็บขนมไว้ให้กรอบนานๆก็เช่นเดียวกับคุกกี้นะคะ คือจะต้องเก็บขนมตอนยังอุ่นๆอยู่ค่ะ อย่าเก็บตอนเย็นแล้ว เพราะความชื้นจะเข้าไปแทรกในเนื้อขนม ทำให้ขนมนิ่มค่ะ ไม่ว่าจะเก็บใส่กล่องธรรมดาหรือกล่องสุญญากาศ ขนมก็จะนิ่มค่ะ

[{@-Enya-@}]

นี่ค่ะ ขนาดขนมชิ้นหนึ่งก็ประมาณนี้เลยค่ะ

[{@-Enya-@}]

อันนี้ภาพเบื้องหลังความสำเร็จค่ะ