ครัวไกลบ้าน

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:#FF0059'>กุ้งแห้ง โดย... @ - ENYA - @</span></span>

วันนี้พิมมาแปลกค่ะ ไม่ได้มาชวนทำกับข้าวนะคะ แต่วันนี้พิมจะมาชวนเพื่อนๆ ถนอมอาหารกันค่ะ ใครพอจะทำได้ ก็ลองทำกันดูนะคะ ประหยัด และก็ดีต่อร่างกายตัวเรามากๆค่ะ

รายการถนอมอาหารที่พิมจะมาชวนเพื่อนๆ ทำในวันนี้ก็คงไม่พ้น กุ้งแห้ง กับ หน่อไม้ดอง ซึ่งที่บ้านพิมทำกับบ่อยๆ ตามโอกาส

กุ้งแห้ง เนี่ย ที่บ้านพิมมักจะทำในช่วงฤดูนี้แหละค่ะ แต่ก็ไม่ได้ทำบ่อยนัก เพราะว่าต้องรอแม่พิมเขาซื้อกุ้งพวกนี้มาจากตลาดที่จันทบุรีน่ะค่ะ ซึ่งก็ไม่ได้มีขายบ่อย แล้วแต่ช่วง ประมาณ ๒ เดือนครั้ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากุ้งแบบนี้จะมีแต่ที่จันทบุรีนะคะ ที่อื่นๆก็มีค่ะ ในกรุงเทพฯ ตามตลาดสดก็มีขายเหมือนกัน เพียงแต่จะหาตัวขนาดนี้ยากหน่อยน่ะค่ะ

และกุ้งสดที่พิมเอามาทำกุ้งแห้งในวันนี้เนี่ย แม่พิมซื้อมาเกือบๆ ๒ กิโลค่ะ ราคากิโลละ ๖๐ บาท แต่ว่าไม่ได้ใช้ทำกุ้งแห้งหมดหรอกค่ะ พิมเอาไปทำกุ้งหวานให้น้องชายด้วย ประมาณเกือบครึ่งกิโลได้ ก็เลยเหลือมาทำกุ้งแห้งประมาณ ๑.๕ กิโลค่ะ ซึ่งกุ้งแห้งที่เราทำเองเนี่ย รับรองว่ากินได้อย่างสบายใจเลยค่ะ เพราะไม่มีการใส่สารกันเชื้อรา ไม่มีการใส่สีเพื่อให้มีสีสันสวยงาม

ส่วน <a href='http://www.kruaklaibaan.com/forum/index.php?showtopic=1692' target='_blank'>หน่อไม้ดอง</a> พอดีช่วงนี้ไผ่ตงที่สวนจันทบุรีของแม่พิมออกหน่อเยอะเลยค่ะ แม่ก็เลยตัดมาขายบ้าง แกงกินบ้าง ต้มกับกระดูกหมูบ้าง ที่เหลือๆก็เอามาดองเนี่ยแหละค่ะ ทุกปีก็ดองกันเป็นปี๊บเป็นไหเลยนะ แต่ปีนี้ยังมีน้อยค่ะ ขุดมาเท่าไหร่ก็ขายหมดเลย เหลือมาให้ดองแค่ในกระทู้นี้เองค่ะ หน่อไม้ดองตามตลาดที่เราซื้อเขามาทำแกงคั่ว แกงส้ม หรือแกงเผ็ดเนี่ย ที่เห็นขาวๆนั้นเป็นเพราะเขาใส่สารกัดขาวนะคะ ลักษณะเป็นผงๆ แค่เอาใส่ไปแล้วคนๆให้เข้ากัน ไอ้ที่ดำคล้ำๆ อยู่ก็จะกลับขาวได้ในเวลาไม่นาน น่ากลัวมากๆเลยค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าได้มีโอกาสทำเอง ปลอดภัยกว่าแน่นอนค่ะ

นี่คือหน้าตาของ กุ้งแห้ง ที่พิมเพิ่งทำเสร็จเมื่อเย็นวันนี้เองค่ะ

เรามาเริ่มต้นที่วิธีการทำ กุ้งแห้ง กันก่อนล่ะกันนะคะ

เริ่มแรกหลังจากซื้อกุ้งสดมาเรียบร้อยแล้ว ก็นำไปเก็บเศษผงออกให้หมด แล้วก็ล้างให้สะอาดค่ะ ใส่กระชอนหรือตะแกรงผึ่งไว้ให้สะเด็ดน้ำ

จากนั้นเราก็มาเติมความเค็มให้กุ้งแห้งกันค่ะ โดยการโรยเกลือ ประมาณ ๑/๓ ทัพพี ต่อปริมาณกุ้ง ๑.๕ ถึง ๒ กิโล แล้วเคล้าให้เข้ากัน แนะนำว่าใช้ทัพพี หรือสวมถุงมือเคล้าดีกว่านะคะ ไมงั้นกรีกุ้งจะทิ่มเนื้อได้ค่ะ พิมเจ็บมาแล้ว

หลังจากเคล้าให้เข้ากันแล้วจะหน้าตาประมาณนี้ค่ะ ไม่ต่างจากเดิมเลย

จากนั้นก็เตรียมขึ้นนึ่งให้สุกค่ะ เอาน้ำใส่ซึ้ง ปริมาณน้ำเนี่ยกะว่าให้นึ่งได้ประมาณ ๑๕ นาที แบบน้ำเดือดจัดๆ โดยน้ำไม่แห้งน่ะค่ะ

จากนั้นก็เอากุ้งที่เคล้าเกลือเรียบร้อยแล้วใส่ซึ้งค่ะ แล้วนำไปนึ่งประมาณ ๑๕ นาทีหรือจนกว่ากุ้งจะสุกนะคะ เวลานึ่งอาจจะรองก้นซึ้งด้วยผ้าขาวบาง หรือใบตองฉีกๆ เพื่อกันกุ้งร่วงหล่นลงตามช่องซึ้งด้วยก็ได้นะคะ

หลังจาก ๑๕ นาทีผ่านไป เราก็จะได้กุ้งหน้าตาแบบนี้มาค่ะ ระหว่างนี้พิมก็แอบมาชิมว่ามันเค็มมากไปไหม แต่ชิมไปชิมมา ปรากฎว่าหมดไปเกินกว่า ๑๕ ตัวอีกค่ะ จนแม่พิมแซวว่ามันจะเหลือจนได้เป็นกุ้งแห้งไหมเนี่ย คิคิ

จากนั้นเอาไปใส่กระด้งไว้ค่ะ กระจายๆให้ทั่วนะคะ หรือจะใส่ถาดก็ได้ แล้วเอาไปตากแดดสัก ๑-๒ แดด นะคะ (ถ้าแดดจัดก็ตากแดดเดียวพอค่ะ ถ้าตาก ๒ แดดจะแห้งเกินไปค่ะ)

นี่ค่ะ ตอนเริ่มตาก หน้าตาเป็นแบบนี้

จากภาพบน หลังจากที่พิมตากมาประมาณ ๒ แดด ก็ได้กุ้งหน้าตาแบบนี้แหละค่ะ

นี่ค่ะ ดูกันใกล้ๆเลย ให้เปลือกกุ้งกรอบขนาดนี้ก็พอแล้วนะคะสำหรับการกระเทาะเปลือกออก แต่อย่าให้กรอบไปกว่านี้ ไม่งั้นเนื้อกุ้งจะแห้งเกินไปน่ะค่ะ

พอเปลือกกรอบได้ที่แล้ว เราก็มาเตรียมกระเทาะเปลือกกุ้งแห้งกันดีค่ะ อุปกรณ์ที่ใช้มีให้เลือก ๒ อย่างค่ะ ระหว่าง
◊ ถุงมือยางหนาๆ สักคู่ หรือ
◊ ถุงแป้งผ้าดิบ + ไม้ตีพริก ๑ อันค่ะ (เอาแบบไม้นะคะ)

ในรูปนี่เป็นถุงผ้าดิบค่ะ จริงๆ พิมเย็บไว้สำหรับเกรอะเนื้อตาล แต่งานนี้เลยขอยืมมาใช้ก่อนค่ะ

ถ้าเลือกวิธีแรก คือใช้ถุงมือ ก็ให้ใช้มือกอบๆกุ้งที่ตากได้ที่แล้ว มารวมกันไว้กลางกระด้งหรือถาด แล้วใส่ถุงมือให้เรียบร้อย ใช้มือขยำๆกุ้งแหละค่ะ เบาหนักพอประมาณ (ระบุไม่ได้) แต่เอาพอเปลือกกุ้งแตกก็พอค่ะ บางทีพิมใช้วิธีนี้ ก็จะขยำรวมๆทั้งหมดก่อน พอให้เปลือกกุ้งส่วนใหญ่แตก แล้วก็ค่อยมาไล่เก็บทีละตัวอีกครั้งน่ะค่ะ

แต่ถ้าใช้วิธีที่สอง ก็ให้เอากุ้งใส่ถุงผ้าอย่างนี้ค่ะ

จากนั้นก็ทำถุงผ้าให้แบนๆ ค่ะ แล้วเอาไม้ตีพริกไล่ตีให้เปลือกกุ้งแตก ไม่อย่างนั้นใช้วิธีกลิ้งๆไม้ทับเอาก็ได้ค่ะ (หรือจะใช้ไม้นวดแป้งก็ได้นะคะ)

นี่ค่ะ หน้าตากุ้งแห้งที่เราใช้ไม้บดกระเทาะเปลือกออกไปสักแป๊บนึงแล้ว