โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 30, 2005 9:18 am
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:#FF0059'>แกงเขียวหวานเนื้อ โดย... หมูแดง</span></span>
ตามคำขอค่ะ เมนูทูเดย์วันนี้ขอนำเสนออาหารไทยที่ทุกท่านรู้จักดี แกงเขียวหวานเนื้อ ค่ะ หลายคนคงทำกันเป็นอยู่แล้วนะคะ แต่วิธีการทำอาจจะแตกต่างกันไปบ้างตามความถนัดของแต่ละคน ถือว่าแบ่งปันความรู้กันนะคะ
เครื่องปรุง
◊ เนื้อวัว ส่วนใดก็ได้ค่ะ หาซื้อตามสะดวก หมูแดงชอบเนื้อติดมันเหนียวๆเลยซื้อเนื้อสตูว์มาทำแกง เวลาเคี่ยวได้ที่แล้วเอ็นข้างในเนื้อจะกรุบๆกรอบๆเคี้ยวอร่อยดี ซื้อมาซัก ๑ กิโลนะคะ ที่แกงวันนี้ ๑.๓ กิโลค่ะ
◊ น้ำพริกแกงเขียวหวานสำเร็จรูป ชอบแม่อะไรก็ไปจูงมือแม่นั้นมาเถอะนะคะ วันนี้หมูแดงไม่ตำเองเพราะไม่สะดวก เนื่องจากเพื่อนบ้านที่อยู่ชั้นล่างเธออยู่บ้านวันนี้ เกรงใจที่ต้องตำน้ำพริกเสียงดังค่ะ แถมเครื่องน้ำพริกก็หาได้ไม่ครบด้วย
◊ ผิวมะกรูด และพริกขี้หนู สำหรับโขลกรวมกับน้ำพริกแกง
◊ ผักแกง ได้แก่ มะเขือพวง หรือมะเขือเปราะ (ถ้ามี) หรือจะใส่ทั้ง ๒ อย่างก็ได้ค่ะ, พริกชี้ฟ้าแดง, ใบโหระพา
◊ กะทิกระป๋อง ๒ กระป๋อง
เริ่มแกงกันเลยนะคะ ล้างเนื้อให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นๆ อย่าหั่นเล็กนักนะคะ เดี๋ยวแกงแล้วแหลกหมดค่ะ จากนั้นเปิดกะทิกระป๋อง แยกส่วนที่เป็นหัวกะทิเก็บไว้ก่อน เอาหางกะทิใส่หม้อ ใส่เนื้อที่หั่นไว้ลงไป ตามด้วยใบมะกรูดฉีกอีก ๔-๕ ใบ ต้มให้เดือด แล้วลดไฟให้เหลือแค่ปานกลาง เคี่ยวจนกว่าเนื้อจะเปื่อยได้ที่ค่ะ วันนี้ไม่มีใบมะกรูดสด เลยต้องใช้แบบแห้ง สีเลยตุ่นๆไปหน่อย
ระหว่างที่รอเนื้อเปื่อยนะคะ เอาน้ำพริกแกงเขียวหวานสำเร็จรูปซัก ๒ ช้อนโต๊ะใส่ครกค่ะ ใส่พริกขี้หนูเขียวสดลงไป (เพื่อเพิ่มสีให้เขียว) พร้อมกับผิวมะกรูด (เพิ่มความหอม) ตำรวมกันให้ละเอียดค่ะ
ผิวมะกรูดใส่ลงไปเพื่อเพิ่มความหอม ส่วนพริกขี้หนูใส่ลงไปเพื่อเพิ่มความเผ็ดและให้สีด้วยค่ะ ลำพังน้ำพริกแกงกระป๋อง แกงแล้วจะออกขาวมากกว่าเขียวค่ะ น้ำพริกแกงที่โขลกแล้วจะหอมผิวมะกรูดมากๆเลยค่ะ หน้าตาเป็นแบบนี้ ใครซื้อเครื่องแกงเองได้ครบ จะตำเองก็สนับสนุนนะคะ น้ำพริกแกงตำเองหอมน่ากินกว่าของสำเร็จรูปแน่นอนค่ะ
จากนั้นเอากระทะตั้งไฟ ใส่หัวกะทิบางส่วน น้ำพริกแกง ผัดให้เข้ากันจนกะทิแตกมันค่ะ
ผัดจนเครื่องแกงแตกมัน แล้วค่อยๆเอาหัวกะทิที่เหลือใส่ลงไปเพิ่ม ผัดไปเรื่อยจนแตก สลับกับใส่กะทิลงไปจนหมดค่ะ วิธีนี้จะทำให้เครื่องแกงแตกมันดีกว่าจะใส่กะทิลงไปพร้อมกันทีเดียว เพราะกะทิกระป๋องที่ไม่ได้แยกหัวกะทิกับหางกะทิมาให้จะเคี่ยวลำบากกว่ากะทิสดค่ะ หลายคนคงเคยมีประสบการณ์นะคะว่าใช้กะทิกระป๋อง แกงยังไงก็ไม่มันสมใจ วิธีนี้แหละค่ะจะช่วยแก้ปัญหาให้ได้
หน้าตาเครื่องแกงที่แตกมันได้ที่แล้วเป็นแบบนี้นะคะ
เนื้อเปื่อยที่เราเคี่ยวไว้แต่แรกตอนนี้ก็เปื่อยได้ที่แล้วนะคะ สังเกตว่าเอ็นเนื้อจะเปลี่ยนเป็นสีขาวใสๆตรงนี้แหละค่ะของอร่อย กรุบๆกรอบๆเคี้ยวสนุกดี
เนื้อก็เปื่อยดีแล้ว เครื่องแกงก็แตกมันสวยแล้ว ทีนี้จัดการเอาเนื้อลงไปผสมกับเครื่องแกงค่ะ เลือกใบมะกรูดทิ้งไปเสียก่อนนะคะ
◊ เมื่อใส่เนื้อลงไปแล้ว ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลนิดหน่อยนะคะ หลายคนอาจมีคำถามว่าแกงกะทิใส่น้ำตาลด้วยหรือ เพราะกะทิก็หวานอยู่แล้ว สำหรับหมูแดงใส่ค่ะ แกงเขียวหวานต้องออกหวานติดๆในรสนิดหน่อย ไม่ใช่หวานแบบขนมนะคะ หวานแบบกับข้าวค่ะ ไม่หวานจนรู้สึก เพียงแต่มีรสนิดๆเท่านั้นเอง อ้อ.. ใส่น้ำปลาตอนแกงเดือดนะคะ จะได้ไม่เหม็นคาวน้ำปลา ยิ่งถ้าเป็นน้ำปลาเก่าด้วยละก็ กลิ่นจะแรงจนรู้สึกได้เลย ใครไม่ชัวร์ใส่เกลือแทนนะคะ จะได้ไม่มีกลิ่น
◊ เมื่อชิมรสได้ที่ดีแล้ว ใส่พริกชี้ฟ้าแดงกับมะเขือพวงลงไปค่ะ คนเร็วๆประมาณแค่ ๓๐ วินาทีแล้วปิดไฟเลยค่ะ ใส่ใบโหระพา แล้วตักใส่ถ้วยทันที หมูแดงชอบผักกรอบๆพริกกรอบๆมะเขือกรอบๆเลยไม่ตั้งบนเตานานๆใครชอบผักนุ่มๆก็ปล่อยให้เดือดหน่อยก็ได้นะ อันนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนค่ะ
◊ มีใครสังเกตเห็นมั้ยคะว่าหมูแดงตักแบ่งออกมาจากกระทะใหญ่ แล้วมาใส่เครื่องในหม้อเล็กแค่พอจะกินเท่านั้นเอง เหตุผลก็คือแกงจะได้ดูใหม่เสมอ ผักไม่สลดเละ จะกินแค่ไหนแบ่งมาแค่นั้นแล้วใส่ผักลงไปค่ะ เนื้อที่เหลือจะแบ่งใส่กล่องแช่ช่องแข็งไว้กินวันหน้าก็ยังได้
เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ แกงเขียวหวานเนื้อแบบไทยๆทำไม่ยากนะคะ ใครไม่ชอบเนื้อก็เปลี่ยนเป็นเนื้อสัตว์อย่างอื่นแทน แต่ไม่ต้องเคี่ยวก่อนนะคะ แกงลงไปได้เลย หรือจะใช้เต้าหู้ เป็นแกงเขียวหวานเจสำหรับคนกินมังสวิรัติก็ได้เช่นกันค่ะ
วันนี้เสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ไม่มีขนมจีนมากินด้วย ต้องกินข้าวแกงแบบไทยนี่แหละค่ะ กินข้าวด้วยกันนะคะ
อันนี้ของแถม แกงแล้วก็เลยเอารูปมาให้ดูเสียเลย แกงเขียวหวานไก่ใส่พริกหวาน และหน่อไม้ แบบเผ็ดน้อย อาหารเลี้ยงเพื่อนฝรั่งค่ะ ไม่เผ็ด แต่รสชาติเข้มข้นไม่เสียชื่อแกงไทย แค่ลดความเผ็ดลงเท่านั้นเอง
ตามคำขอค่ะ เมนูทูเดย์วันนี้ขอนำเสนออาหารไทยที่ทุกท่านรู้จักดี แกงเขียวหวานเนื้อ ค่ะ หลายคนคงทำกันเป็นอยู่แล้วนะคะ แต่วิธีการทำอาจจะแตกต่างกันไปบ้างตามความถนัดของแต่ละคน ถือว่าแบ่งปันความรู้กันนะคะ
เครื่องปรุง
◊ เนื้อวัว ส่วนใดก็ได้ค่ะ หาซื้อตามสะดวก หมูแดงชอบเนื้อติดมันเหนียวๆเลยซื้อเนื้อสตูว์มาทำแกง เวลาเคี่ยวได้ที่แล้วเอ็นข้างในเนื้อจะกรุบๆกรอบๆเคี้ยวอร่อยดี ซื้อมาซัก ๑ กิโลนะคะ ที่แกงวันนี้ ๑.๓ กิโลค่ะ
◊ น้ำพริกแกงเขียวหวานสำเร็จรูป ชอบแม่อะไรก็ไปจูงมือแม่นั้นมาเถอะนะคะ วันนี้หมูแดงไม่ตำเองเพราะไม่สะดวก เนื่องจากเพื่อนบ้านที่อยู่ชั้นล่างเธออยู่บ้านวันนี้ เกรงใจที่ต้องตำน้ำพริกเสียงดังค่ะ แถมเครื่องน้ำพริกก็หาได้ไม่ครบด้วย
◊ ผิวมะกรูด และพริกขี้หนู สำหรับโขลกรวมกับน้ำพริกแกง
◊ ผักแกง ได้แก่ มะเขือพวง หรือมะเขือเปราะ (ถ้ามี) หรือจะใส่ทั้ง ๒ อย่างก็ได้ค่ะ, พริกชี้ฟ้าแดง, ใบโหระพา
◊ กะทิกระป๋อง ๒ กระป๋อง
เริ่มแกงกันเลยนะคะ ล้างเนื้อให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นๆ อย่าหั่นเล็กนักนะคะ เดี๋ยวแกงแล้วแหลกหมดค่ะ จากนั้นเปิดกะทิกระป๋อง แยกส่วนที่เป็นหัวกะทิเก็บไว้ก่อน เอาหางกะทิใส่หม้อ ใส่เนื้อที่หั่นไว้ลงไป ตามด้วยใบมะกรูดฉีกอีก ๔-๕ ใบ ต้มให้เดือด แล้วลดไฟให้เหลือแค่ปานกลาง เคี่ยวจนกว่าเนื้อจะเปื่อยได้ที่ค่ะ วันนี้ไม่มีใบมะกรูดสด เลยต้องใช้แบบแห้ง สีเลยตุ่นๆไปหน่อย
ระหว่างที่รอเนื้อเปื่อยนะคะ เอาน้ำพริกแกงเขียวหวานสำเร็จรูปซัก ๒ ช้อนโต๊ะใส่ครกค่ะ ใส่พริกขี้หนูเขียวสดลงไป (เพื่อเพิ่มสีให้เขียว) พร้อมกับผิวมะกรูด (เพิ่มความหอม) ตำรวมกันให้ละเอียดค่ะ
ผิวมะกรูดใส่ลงไปเพื่อเพิ่มความหอม ส่วนพริกขี้หนูใส่ลงไปเพื่อเพิ่มความเผ็ดและให้สีด้วยค่ะ ลำพังน้ำพริกแกงกระป๋อง แกงแล้วจะออกขาวมากกว่าเขียวค่ะ น้ำพริกแกงที่โขลกแล้วจะหอมผิวมะกรูดมากๆเลยค่ะ หน้าตาเป็นแบบนี้ ใครซื้อเครื่องแกงเองได้ครบ จะตำเองก็สนับสนุนนะคะ น้ำพริกแกงตำเองหอมน่ากินกว่าของสำเร็จรูปแน่นอนค่ะ
จากนั้นเอากระทะตั้งไฟ ใส่หัวกะทิบางส่วน น้ำพริกแกง ผัดให้เข้ากันจนกะทิแตกมันค่ะ
ผัดจนเครื่องแกงแตกมัน แล้วค่อยๆเอาหัวกะทิที่เหลือใส่ลงไปเพิ่ม ผัดไปเรื่อยจนแตก สลับกับใส่กะทิลงไปจนหมดค่ะ วิธีนี้จะทำให้เครื่องแกงแตกมันดีกว่าจะใส่กะทิลงไปพร้อมกันทีเดียว เพราะกะทิกระป๋องที่ไม่ได้แยกหัวกะทิกับหางกะทิมาให้จะเคี่ยวลำบากกว่ากะทิสดค่ะ หลายคนคงเคยมีประสบการณ์นะคะว่าใช้กะทิกระป๋อง แกงยังไงก็ไม่มันสมใจ วิธีนี้แหละค่ะจะช่วยแก้ปัญหาให้ได้
หน้าตาเครื่องแกงที่แตกมันได้ที่แล้วเป็นแบบนี้นะคะ
เนื้อเปื่อยที่เราเคี่ยวไว้แต่แรกตอนนี้ก็เปื่อยได้ที่แล้วนะคะ สังเกตว่าเอ็นเนื้อจะเปลี่ยนเป็นสีขาวใสๆตรงนี้แหละค่ะของอร่อย กรุบๆกรอบๆเคี้ยวสนุกดี
เนื้อก็เปื่อยดีแล้ว เครื่องแกงก็แตกมันสวยแล้ว ทีนี้จัดการเอาเนื้อลงไปผสมกับเครื่องแกงค่ะ เลือกใบมะกรูดทิ้งไปเสียก่อนนะคะ
◊ เมื่อใส่เนื้อลงไปแล้ว ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลนิดหน่อยนะคะ หลายคนอาจมีคำถามว่าแกงกะทิใส่น้ำตาลด้วยหรือ เพราะกะทิก็หวานอยู่แล้ว สำหรับหมูแดงใส่ค่ะ แกงเขียวหวานต้องออกหวานติดๆในรสนิดหน่อย ไม่ใช่หวานแบบขนมนะคะ หวานแบบกับข้าวค่ะ ไม่หวานจนรู้สึก เพียงแต่มีรสนิดๆเท่านั้นเอง อ้อ.. ใส่น้ำปลาตอนแกงเดือดนะคะ จะได้ไม่เหม็นคาวน้ำปลา ยิ่งถ้าเป็นน้ำปลาเก่าด้วยละก็ กลิ่นจะแรงจนรู้สึกได้เลย ใครไม่ชัวร์ใส่เกลือแทนนะคะ จะได้ไม่มีกลิ่น
◊ เมื่อชิมรสได้ที่ดีแล้ว ใส่พริกชี้ฟ้าแดงกับมะเขือพวงลงไปค่ะ คนเร็วๆประมาณแค่ ๓๐ วินาทีแล้วปิดไฟเลยค่ะ ใส่ใบโหระพา แล้วตักใส่ถ้วยทันที หมูแดงชอบผักกรอบๆพริกกรอบๆมะเขือกรอบๆเลยไม่ตั้งบนเตานานๆใครชอบผักนุ่มๆก็ปล่อยให้เดือดหน่อยก็ได้นะ อันนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนค่ะ
◊ มีใครสังเกตเห็นมั้ยคะว่าหมูแดงตักแบ่งออกมาจากกระทะใหญ่ แล้วมาใส่เครื่องในหม้อเล็กแค่พอจะกินเท่านั้นเอง เหตุผลก็คือแกงจะได้ดูใหม่เสมอ ผักไม่สลดเละ จะกินแค่ไหนแบ่งมาแค่นั้นแล้วใส่ผักลงไปค่ะ เนื้อที่เหลือจะแบ่งใส่กล่องแช่ช่องแข็งไว้กินวันหน้าก็ยังได้
เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ แกงเขียวหวานเนื้อแบบไทยๆทำไม่ยากนะคะ ใครไม่ชอบเนื้อก็เปลี่ยนเป็นเนื้อสัตว์อย่างอื่นแทน แต่ไม่ต้องเคี่ยวก่อนนะคะ แกงลงไปได้เลย หรือจะใช้เต้าหู้ เป็นแกงเขียวหวานเจสำหรับคนกินมังสวิรัติก็ได้เช่นกันค่ะ
วันนี้เสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ไม่มีขนมจีนมากินด้วย ต้องกินข้าวแกงแบบไทยนี่แหละค่ะ กินข้าวด้วยกันนะคะ
อันนี้ของแถม แกงแล้วก็เลยเอารูปมาให้ดูเสียเลย แกงเขียวหวานไก่ใส่พริกหวาน และหน่อไม้ แบบเผ็ดน้อย อาหารเลี้ยงเพื่อนฝรั่งค่ะ ไม่เผ็ด แต่รสชาติเข้มข้นไม่เสียชื่อแกงไทย แค่ลดความเผ็ดลงเท่านั้นเอง