"ใบมะขาม"
แม่ชีเกณฑ์ท่านถามว่าใบมะขามขังน้ำได้ไหม ด้วยความที่ไม่ค่อยได้เห็นใบมะขามจึงนึกอยู่นานและตอบท่านไปว่าใบมะขามไม่มีขอบจะขังน้ำได้อย่างไร ท่านก็บอกว่าเหมือนจิตที่เป็นอุเบกขาอยู่เป็นกลางมันจะขังอารมณ์ได้อย่างไร เมื่อมีอะไรมากระทบทางอายตนะทั้ง 6 มันรู้แล้วก็วางไม่เข้าไปสัมผัสถึงใจเหมือนกับน้ำที่อยู่บนใบบัวขังน้ำไม่ได้ ดุจดังใบมะขามก็ไม่สามารถขังน้ำได้มีแต่จะไหลผ่านไม่ได้แทรกซึมเข้าไปในเนื้อใบมะขามเลย ถามท่านว่าอุเบกขาทางโลกกับอุเบกขาทางธรรมต่างกันอย่างไรท่านยกตัวอย่างให้ฟังเช่นลูกดื้อไม่ยอมฟังเตือนก็แล้วจะทิ้งไปเลยก็ไม่ได้จะเปลี่ยนเขาก็ทำไม่ได้ก็ต้องอุเบกขาคือวางแบบยังมีความยินดียินร้ายอยู่ ต้องบังคับให้ตัวเองวางทั้งที่ใจยังไม่วาง วางแบบยังมีอารมณ์ปนอยู่ วางแบบนี้ยังไม่ใช่อุเบกขาที่แท้จริง วางเพราะความจำยอมแต่ใจเขายังไม่ยอม เพราะอย่างนั้นเมื่อใดที่สติอ่อนความไม่อุเบกขาจึงยังแสดงตัวอยู่ อุเบกขาที่แท้จริงนั้นคือการวางที่ไม่ต้องบังคับใจไม่มีแม้อารมณ์ใดเจือปนรู้แล้วก็วางลงทันทีในขณะนั้น แต่ทุกอย่างก็ไม่เที่ยงวันใดที่ทิ้งการดูแลใจของตัวเองอารมณ์ก็เกิดขึ้นมาอีก แม่ชีเกณฑ์ท่านจึงบอกเสมออย่าได้ประมาทเราเผลอเมื่อใดมันก็ขึ้นมาเมื่อนั้น ประมาทไม่ได้ไปจนวินาทีสุดท้ายที่สิ้นลม ท่านถามว่าแล้วอย่างนี้เราจะทิ้งการปฏิบัติได้หรือ การปฏิบัติไม่ใช่แค่นั่งหรือเดินวันละชม.แต่หมายถึงทุกลมหายใจเข้าออก ในแต่ละวันหากเราไม่ได้ปฏิบัติแบบเต็มรูปแบบ อย่างน้อยๆเราต้องรู้ทุกขณะว่าใจเราเป็นเช่นไร
คัดลอกมาจาก
http://pantip.com/topic/30892856/comment54