หน้า 1 จากทั้งหมด 1

โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 11, 2008 1:47 am
โดย churace
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>น้ำเสียงปลื้มปีติของคุณแม่บุญประจักษ์ ทรรทรานนท์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการอำนวยการโรงเรียนมาแตร์เดอีฯ ขณะเล่าถึงพระจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งทรงศึกษาอยู่ที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย โรงเรียนไทยแห่งแรกและแห่งเดียวที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวทรงศึกษาขณะทรงพระเยาว์ เปี่ยมล้นไปด้วยความประทับใจที่ไม่เคยเลือนหายไปกับกาลเวลา ที่เนิ่นนานมาเกือบ 70 ปี

" พระองค์มาโรงเรียนทุกวัน ไม่เคยขาด ทรงเป็นนักเรียนที่มีชีวิตชีวามาก โดยเฉพาะทางด้านดนตรี จนซิสเตอร์มาร์เกอริตมารีผู้ถวายพระอักษร ชื่นชมว่า This Little Prince is gifted for music"

ซึ่งในครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังเป็นพระองค์เจ้าภูมิพลอดุลเดช มีพระชนมายุ 5 พรรษา คุณแม่บุญประกอบ วัย 93 ปี อดีตศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอีฯ ย้อนเล่าถึงวันเวลาเก่าๆ ในงานแถลงข่าวจัดงาน "60 ปี ธ ครองไทย มาแตร์เดอีร่วมใจถวายพระพร" ซึ่งจัดขึ้นที่หอประชุมใหญ่ โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย ด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้มว่า เมื่อทราบว่า......พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดชจะทรงมาเป็นนักเรียนที่ ร.ร.มาแตร์เดอีฯ ซึ่งในสมัยนั้นที่นี่เป็นโรงเรียนที่เปิดสอนทั้งผู้ชายผู้หญิงนักเรียนทุกคนตื่นเต้นมาก เพราะพระองค์เป็นโอรสของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดชฯ และหม่อมสังวาลย์ มหิดล สตรีที่ได้รับการยกย่องในสมัยนั้นว่า เป็นสตรีที่งามพร้อมในทุกด้าน"ครั้งแรกที่พระองค์เสด็จมาโรงเรียนยังไม่เป็นนักเรียนของที่นี่ เพราะอายุไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเข้าเรียนได้ แต่มาเพราะตามพระองค์เจ้าอานันทมหิดล พระเชษฐามาด้วยเป็นบางวัน ทุกครั้งที่มาโรงเรียนทรงมาด้วยรถยนต์โดยมีหม่อมสังวาลย์ มหิดล เดินจูงมือเข้ามาส่งในโรงเรียนทุกครั้งและทรงแต่งเครื่องแบบนักเรียนมาด้วย ทั้งที่ขณะนั้นยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นนักเรียนของที่นี่ จนกระทั่งพระชนมายุ 5 พรรษา คุณแม่อธิการจึงรับเข้าเรียน โดยลงทะเบียนว่า" H.H.BhummibolMahidol" หมายเลขประจำตัว คือ 449 ซึ่งหม่อมสังวาลย์ได้เขียนใบสมัครเช่นเดียวกับ ผู้ปกครองคนอื่นๆ และได้บอกกับคุณแม่อธิการว่า "ให้ปฏิบัติกับโอรสเหมือนคนธรรมดา" อดีตศิษย์เก่ามาแตร์เดอีฯ ยังเล่าอีกว่า ในขณะทรงเรียนที่นี่ พระองค์ทรงเป็นที่รักของครูและนักเรียนทุกคน ทรงเรียน ทรงเล่น กับพระสหายอย่างไม่ถือพระองค์ทรงสนพระทัยเรื่องเรียนทุก วิชา และทรงโปรดการเล่นดนตรีการร้องเพลงมาก "พระองค์ทรงมีนมบรรจุกระติกหิ้วมาโรงเรียนด้วยพระองค์เอง เมื่อถึงเวลา 10 นาฬิกา หม่อมเจ้าหญิงกรณิกา จิตรพงศ์นักเรียนชั้นโตกว่าจะมาช่วยหยิบนม และรินถวายทุกวัน

เพราะกฎข้อหนึ่งของโรงเรียนในสมัยนั้น คือ นักเรียนชั้นโตกว่าจะดูแลเด็กเล็กๆ และในขณะที่ทรงศึกษาอยู่ที่นี่ บางครั้งพระพี่นางก็ตามเสด็จพระอนุชามาด้วยในช่วงที่โรงเรียนราชินีปิดเทอม ทำให้บรรยากาศใ นโรงเรียนมาแตร์เดอีฯ ยิ่งมีชีวิตชีวามากขึ้นเพราะเวลาที่ทั้ง 3 พระองค์ทรงอยู่ด้วยกัน ทรงน่ารัก ทรงเล่นกับพวกเราอย่างไม่ถือพระองค์เลยว่าเป็นเจ้านายชั้นสูง" กระนั้นแล้ว พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดชก็ทรงเรียนหนังสืออย่างจริงจังได้จนถึงปลายปีการศึกษา 2475 เท่านั้น คุณแม่บุญประกอบเล่าเหตุผลที่พระองค์ทรงออกจากโรงเรียนว่า "เนื่องจากต้องตาม พระเชษฐาไปอยู่อยู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพราะพระเชษฐาพระอนามัยไม่แข็งแรง ดังนั้น แพทย์จึงแนะนำให้ไป ประทับยังต่างประเทศที่มีอากาศดีจะช่วยให้มีสุขภาพดีขึ้นได้ "

จากวันนั้นถึงวันนี้ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้านายพระองค์น้อยที่เคยแอบมองบ่อยๆอย่างชื่นชมรักใคร่เมื่อ 70 ปีก่อน จะเป็นพระมหากษัตริย์ที่ไม่มีพระมหากษัตริย์ประเทศใดในโลกนี้เทียบได้ เพราะพระองค์ทรงทำประโยชน์ให้แก่ประชาชนอย่างมากมายมหาศาลพระองค์เสด็จฯไปพัฒนาตามท้องถิ่นต่างๆ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทรงช่วยประชาชนให้ช่วยเหลือตัวเองได้ มีอาชีพเลี้ยงชีวิต มีข้าวกิน มีน้ำดื่ม ทรงเป็นในหลวงที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย

แม้ช่วงเวลาที่พระองค์ทรงศึกษา อยู่ที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยนั้นไม่นานนัก แต่ทุกคนในช่วงนั้นต่างได้สัมผัสถึงความสุขและได้ชื่นชมพระจริยวัตรอันงดงามของพระองค์ซึ่งนับเป็นห้วงเวลาที่ทรงคุณค่ายิ่ง</span>