ครัวไกลบ้าน

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ลำดับที่ 1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช</span>



<span style='color:red'><span style='font-size:14pt;line-height:100%'>"เราจักปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม"</span></span>

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ลำดับที่ 2 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ </span>

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ลำดับที่ 3 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณฯ สยามมกุฎราชกุมาร</span>



<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระนามเดิมว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ บรมจักรยาดิศรสันตติวงศ เทเวศรธำรงสุบริบาล อภิคุณูประการมหิตลาดุลเดช ภูมิพลนเรศวรางกูร กิตติสิริสมบูรณ์สวางควัฒน์ บรมขัตติยราชกุมาร เป็นพระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชสมภพ เมื่อวันจันทร์ ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

ทรงสำเร็จการศึกษาขั้นต้นจากโรงเรียนจิตรลดา แล้วจึงเสด็จฯ ไปทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนคิงส์มีด แคว้นซัสเซกส์ และโรงเรียนมิลฟิลด์ แคว้นซอมเมอร์เซท ประเทศอังกฤษ จากนั้นทรงไปศึกษาต่อ ที่โรงเรียนคิงส์สกูล ซิดนีย์ และสำเร็จการศึกษา จากวิทยาลัยการทหารดันทรูน แคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย

หลังจากเสด็จกลับประเทศไทย ทรงรับราชการทหาร และศึกษาต่อที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก รุ่นที่ 46 เมื่อ พ.ศ. 2520 และทรงผนวช เมื่อ พ.ศ. 2521 จากนั้นทรงศึกษาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช รุ่นที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2525 และหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร จากประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2533

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการประกาศสถาปนา สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชธิดาที่ประสูติ แต่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ 1 พระองค์ คือ
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา

ทรงมีพระราชโอรสที่ประสูติแด่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ 1 พระองค์ คือ
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ

ทรงมีพระราชโอรสพระราชธิดาอีก 5 องค์ ที่ประสูติแต่หม่อมสุจาริณี มหิดล ณ อยุธยา (คุณยุวธิดา ผลประเสริฐ ปัจจุบันคือ คุณสุธาริณี วิวัชรวงศ์)
หม่อมเจ้าจุฑาวัชร มหิดล (ประสูติเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2522)
หม่อมเจ้าวัชรเรศร มหิดล (ประสูติเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2524)
หม่อมเจ้าจักรีวัชร มหิดล (ประสูติเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2526)
หม่อมเจ้าวัชรวีร์ มหิดล (ประสูติเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2528)
หม่อมเจ้าหญิงบุษยน้ำเพชร มหิดล (พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์)

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ ทรงอบรมหลักสูตรการขับเครื่องบินขับไล่ทางยุทธวิธีชั้นสูง จากฝูงบินที่ 425 ฐานบินวิลเลียม มลรัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. 2523, 2526 และ 2534 ทรงพระปรีชาสามารถขับเครื่องบินหลายรุ่นด้วยพระองค์เอง เช่น เอฟ-5 เอฟ 16 เฮลิคอปเตอร์ นอกจากนี้ยังทรงปฏิบัติหน้าที่ครูการบิน ให้กับนักบินของกองทัพอากาศไทย </span>

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ลำดับที่ 4 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธรฯ สยามบรมราชกุมารี</span>

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ลำดับที่ 5 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี</span>



<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เป็นพระราชธิดาลำดับที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประสูติเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พุทธศักราช 2500 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ในพระราชวังดุสิต ทรงพระอักษรเบื้องต้นในระดับชั้นเตรียมประถมศึกษา ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา จากโรงเรียนจิตรลดา ทรงสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และทรงสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาเคมีอินทรีย์ จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ทรงอภิเษกสมรสกับนาวาอากาศเอกวีระยุทธ ดิษยะศริน มีพระธิดา 2 พระองค์ คือ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ปัจจุบันทรงเป็นประธานของสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ซึ่งมีภารกิจหลักในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโรคมะเร็ง</span>

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ลำดับที่ 6 สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี</span>



<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ทรงเป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว กับพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี</span>

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:purple'>พระเอยพระหน่อนาถ งามพิลาสดังดวงมณีใส
พระเสด็จจากฟ้าสุราลัย มาเพื่อให้ฝูงชนกมลปรีดิ์
ดอกเอยดอกจำปา หอมชื่นจิตติดนาสา
ยิ่งดมยิ่งพาให้ดมเอย
หอมพระเดชทรงยศโอรสราช แผ่เผยผงาดในแดนไกล
พึ่งเดชพระหน่อไท เป็นสุขสมใจไม่วางวาย
รูปละม้ายคล้ายพระบิตุราช ผิวผุดผาดเพียงชนนีศรี
ขอพระจงทรงคุณวิบุลย์ทวี เพื่อเป็นที่ร่มเกล้าข้าเฝ้าเทอญ
ดอกเอยดอกพุทธิชาต หอมเย็นใจใสสะอาด
หอมบ่มิขาดสุคนธ์เอย
หอมพระคุณการุญเป็นประถม เย็นเกล้าเหมือนร่มโพธิ์ทอง
เหล่าข้าทูลละออง ภักดีสนองพระคุณไท</span>

(บทพระราชนิพนธ์กล่อมพระบรรทม ประกอบการขับลำปลาทอง สำหรับพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง พระเกียรติรถ ซึ่งทรงเตรียมไว้สำหรับแสดงเฉลิมฉลองพระราชพิธีสมโภชเดือนพระหน่อซึ่งจะมีพระประสูติการในเบื้องหน้า)</span>

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ลำดับที่ 7 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์</span>




<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>พระนามเดิมว่า "หม่อมเจ้าหญิงกัลยาณิวัฒนา" เป็นพระธิดาในสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงสงขลานครินทร์ (สมเด็จพระบรมราชชนก) กับหม่อมสังวาลย์ มหิดล (สมเด็จพระบรมราชชนนี) ในสมัยรัชกาลที่ 7 ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น "พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงกัลยาณิวัฒนา" ในสมัยรัชกาลที่ 8 เป็นที่ "สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้า" และได้กราบบังคมทูลลาออกจากฐานันดรศักดิ์ เพื่อทำการสมรสกับพันเอกอร่าม รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ จนกระทั่งในรัชกาลปัจจุบันจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานคืนฐานันดรศักดิ์ สิ้นพระชนม์ 2 มกราคม พ.ศ. 2551 เวลา 02.54 น. ณ โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร สิริพระชนมายุ 84 พรรษา </span>

ขอรบกวนผู้รู้ช่วยตั้งกระทู้หัวข้อให้หน่อยเพราะทำไม่เป็นค่ะ ขอบคุณค่ะ ดิฉันเปิดเจอในเวปค่ะ หัวข้อเรื่อง

....ในหลวงทรงร้องไห้...

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมาผมได้ไปงานที่โรงเรียน เหมือนเช่นทุกปีตอนกลับเดินมาตามตึกยาวเพื่อจะกลับมาทางประตูด้านเพาะช่างยังไม่ถึงบริเวณหลวงพ่อปู่ พบอาจารย์ท่านหนึ่งนั่งอยู่จำได้ว่าเป็นอาจารย์สุธี ท่านเกษียนไปแล้ว ไม่รู้คุณรู้จักหรือเปล่า? กราบอาจารย์ท่านแล้ว สังเกตเห็นว่าอาจารย์ร้องไห้อยู่ ท่านบอกว่า เพิ่งได้พบกับรุ่นพี่ที่มาในงานรุ่นที่เท่าไรก็ไม่ได้ถามเป็นนายทหารราชองค์รักษ์ชั้นผู้ใหญ่ เค้าเล่าให้อาจารย์ฟังว่า *ในหลวงทรงร้องไห้ให้เห็นบ่อยๆ*
ทรงเสียพระทัยที่เมืองไทยจะสิ้นในรัชกาลของท่านแล้วกระนั้นหรือ?
ผมอยากจะตอบอาจารย์ไปว่าคงไม่หรอกถ้าคนไทยรู้จักคำว่า*หน้าที่*มากกว่า*สิทธิ*เราเคยชินกับการเป็นผู้รับจากคนคนหนึ่งที่เกิดมาเป็นผู้ให้ ให้มาตลอด เคยชินจนลืมไปว่าวันนี้ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราควรจะเป็นผู้ให้แก่พระองค์ท่านบ้าง?
ผมลาจากอาจารย์เรียบร้อยกลับไปตามตึกยาว ไปไหว้พระผู้ให้กำเนิดโรงเรียน อธิษฐานขอให้ท่านช่วยคุ้มครองให้ พระองค์ท่านทรงมีแต่ความสุข ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง เพียงแค่ไม่อยากได้ยินว่า*ในหลวงทรงร้องไห้*

หนึ่งปีที่ผ่านมา เราใส่เสื้อสีเหลือง เราใส่สายรัดข้อมือสีเหลือง คนนับแสนไปนั่งรอเป็นชั่วโมงๆหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม เพื่อที่จะได้เห็นพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพียงไม่กี่นาทีวันนั้น ในขณะที่ทั้งโลกเริ่มเสื่อมศรัทธาในระบบการปกครองโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เราแสดงให้ทั้งโลกได้เห็นว่ามีประเทศเล็กๆประเทศหนึ่งที่คนทั้งชาติยังซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อราชวงค์จักรี และ พระมหากษัตริย์ อันทรงเป็นที่รักยิ่งของคนไทย

สิบสองปีที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรหนักด้วยโรคหัวใจ เพราะทรงงานหนักเกินไป ในขณะเดียวกัน สมเด็จพระราชชนนีก็ทรงพระประชวรหนักอยู่ ณ โรงพยาบาลศิริราช เรายังจำรูปในหนังสือพิมพ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมพระราชชนนี ไม่กี่วันหลังจากการผ่าตัดใหญ่ถวายพระหัตถ์ข้างหนึ่งกุมอยู่ที่พระอุระ และในพระหัตถ์อีกข้างหนึ่งทรงถือ แผนที่กรุงเทพฯเพราะน้ำกำลังท่วมกรุงอยู่ ยังจำกันได้ไหม????

34 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516
เป็นวันแรกในรัชกาลที่เกิดวิกฤติด้านการเมืองรุนแรงที่สุด วันนั้น นิสิตนักศึกษา และ ประชาชนนับหมื่นนับแสนคนเดินขบวนประท้วงรัฐบาล เหตุการณ์ร้ายแรงยิ่งขึ้น ตำรวจทหารยิงประชาชน ในขณะที่นิสิตนักศึกษา ก็เผาสถานที่ราชการ เกิดกลียุคทุกหย่อมหญ้า *คนไทยฆ่าคนไทยด้วยกันเอง* คืนนั้น สถานีโทรทัศน์ทุกช่องถ่ายทอดสดจากพระราชวังสวนจิตรดา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสกับคนไทยทุกคนว่า *คนไทยจะฆ่าคนไทยด้วยกันไม่ได้ ทุกอย่างต้องสงบในฉับพลัน*

และทุกอย่างก็สงบในฉับพลัน หลังจากนั้นไม่นาน มีฝรั่งคนหนึ่งมาถามผมว่า เป็นไปได้อย่างไรที่คนๆเดียวมีอำนาจเหนือคนทั้งประเทศได้อย่างนั้น? ผมไม่ได้ตอบ แต่ตอนนั้นในใจผมคิดถึงประโยคที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ BBC ว่าพระองค์ทรงเป็น SOUL OF THE NATION หรือ จิตวิญญาณของคนไทยทั้งชาติ ยังจำกันได้ไหม????

แล้ววันนี้เรากำลังทำอะไรกันอยู่? เราสร้างค่านิยมผิดๆว่าคนที่ประสบความสำเร็จ คือ คนที่มีเงินมากที่สุด บางคนโกงทุกครั้งที่มีโอกาส เราเรียกร้องประชาธิปไตยโดยคิดแต่*สิทธิ* แต่ลืมคำว่า *หน้าที่* เราฆ่ากันทุกวันในภาคใต้ เราสร้าง*กฏหมู่*ให้เหนือกฏหมาย เราเดินขบวนประท้วง ก่อม๊อบ ในทุกอย่างที่เราไม่เห็นด้วย เราก้าวร้าวต่อกัน เราแตกแยกกัน และคนทั้งโลกกำลังจับตามองเราอยู่ เราเคยหยุดคิดกันบ้างไหมว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราจะทรงเสียพระทัยเพียงใด? แล้วสิ่งที่เราทำในวันเฉลิมพระชนมพรรษาคืออะไร? การใส่เสื้อสีเหลือง สายรัดข้อมือที่ว่า LONG LIFE THE KING เราทำเพื่ออะไร? มันเป็นแค่ผักชีโรยหน้าที่จะแสดงให้โลกเห็นว่าคุณรักพระมหากษัตริย์ เพียงเท่านั้นนะเหรอ?

80 ชันษาของพระองค์ท่าน หากเปรียบกับคนธรรมดาก็สมควรที่จะได้พักเต็มที่ได้รับการดูแลและระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่สมควรที่จะตรากตรำทำงานหนัก แต่กลับเป็นว่า ในปีที่ครบ 80 ชันษา ของพระองค์ท่านท่านยังต้องทรงทำงานอยู่ตลอดเวลาทั้งๆที่ทรงต้องอยู่ภายใต้การถวายการดูแลของคณะแพทย์ พระองค์ทรงต้องรับทุกข์ของคนไทยทั้งชาติ ความสุขของพระมหากษัตริย์องค์นี้ ไม่ใช่จะประทับอยู่ในพระราชวังที่ใหญ่โตสวยงาม แห่ล้อมด้วยข้าราชบริพาร หากแต่ความสุขของพระมหากษัตริย์พระองค์นี้คือเมื่อประชาชนของพระองค์ท่านรักและสามัคคีกัน รู้จักความพอเพียง และมีสติ เพียงเท่านี้เอง

แล้ววันนี้เรากำลังทำอะไรกันอยู่? หรือนี้คือการแสดงความกตเวทีต่อพระมหากษัตริย์ของเรา

ถ้ารักในหลวงรักประเทศของเราก็ส่งต่อไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงเวลาแล้วที่ต้องตอบแทนแผ่นดิน ตอบแทนพระคุณพ่อแล้ว

โพสต์ให้แล้วนะคะ

รักในหลวงเหลือเกินค่ะ สงสารพระองค์ท่านมากเลย

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ลำดับที่ 8 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี



ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงเป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ประสูติเมื่อ วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2494 ณ โรงพยาบาลมองชัวซีส์ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์และได้เสด็จนิวัติพระนคร แล้วประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิตและเมื่อถึงงานพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระอิสริยยศเมื่อประสูติ คือ "สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี" นอกจากนี้พระองค์ยังทรงมีพระนามเล่นของพระองค์ว่า ลา ปูเป้ (La Poupee) ซึ่งเป็นคำมาจากภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ตุ๊กตา ทูลกระหม่อมพ่อและสมเด็จแม่ของพระองค์ท่าน ทรงเรียกว่า "เป้" อีกด้วย

พระนามของ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มาจากพระนามและนามของพระประยูรญาติหลายพระองค์ อันได้แก่

สร้อยพระนาม "สิริ" มาจากพระนามาภิไธยของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
สร้อยพระนาม "วัฒนา" มาจากพระนามาภิไธยของ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (สว่างวัฒนา) ซึ่งเป็นสมเด็จพระอัยยิกา ใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระนาม "อุบลรัตน์" มาจากนามของ หม่อมหลวงบัว กิติยากร พระอัยกีของพระองค์

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทรงเข้ารับการศึกษาจนสำเร็จการศึกษาขั้นต้นจากโรงเรียนจิตรลดา แล้วจึงเสด็จประทับเมืองเคมบริดจ์ มลรัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อทรงเข้ารับการศึกษาต่อจนจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี ณ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ในสาขาคณิตศาสตร์ และสาขาวิทยาศาสตร์ จากนั้น พระองค์ทรงเข้ารับการศึกษาต่อจนจบการศึกษาในระดับปริญญาโท ณ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส สาขาการสาธารณสุขจนสำเร็จในการศึกษา

เมื่อที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ขณะพระยศในขณะนั้น ได้ทรงประกาศลาออกฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์เป็นท่านผู้หญิง อุบลรัตนราชกัญญา เจนเซ่น เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 เพื่อทรงประทับอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วทรงเสกสมรสหมั้นกับนายปีเตอร์ แลด เจน เซน ชาวอเมริกัน

เมื่อที่ท่านผู้หญิง อุบลรัตนราชกัญญา เจนเซ่น ได้ทรงประทับอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา พระองค์ได้ทรงมีพระโอรสและพระธิดาอีก 3 พระองค์ คือ
คุณพลอยไพลิน เจนเซน
คุณพุ่ม เจนเซน
คุณสิริกิติยา เจนเซน

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2515ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ เพื่อทรงเสกสมรสกับนายปีเตอร์ แลด เจนเซน ชาวอเมริกัน (เป็นท่านผู้หญิง อุบลรัตนราชกัญญา เจนเซ่น) และทรงประทับอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 26 ปี จนเมื่อ พ.ศ. 2541ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้ทรงประกาศทรงหย่ากับนายปีเตอร์ แลด เจนเซน ชาวอเมริกัน และ เสด็จกลับนิวัติประเทศไทยเป็นการถาวร เมื่อพ.ศ. 2541 และได้รับพระราชทานพระอิศริยยศเป็นทูลกระหม่อมหญิง</span>

(จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ลำดับที่ 9 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์
พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร



สกุลเดิม "อัครพงศ์ปรีชา" อภิเสกสมรสกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2544 ต่อมาเมื่อมีพระประสูติกาลพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2548 </span>

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ลำดับที่ 10 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ</span>


(ภาพจาก <a href='http://topicstock.pantip.com/library)' target='_blank'>http://topicstock.pantip.com/library)</a>

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระนามเดิม หม่อมหลวงโสมสวลี กิติยากร ประสูติเมื่อวันเสาร์ ที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ ณ โรงพยาบาลกายส์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นพระธิดาพระองค์ใหญ่ของหม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ กิติยากร พระเชษฐาในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ กับ หม่อมเจ้าพันธุ์สวลี ยุคล ทรงมีพระขนิษฐาคือ หม่อมหลวงสราลี กิติยากร (จิราธิวัฒน์)


หม่อมหลวงโสมสวลี กิติยากร ศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนจิตรลดา ต่อมาเมื่อหม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ ย้ายมาเป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐ ก็ได้ทรงย้ายมาอยู่ที่เชียงใหม่ด้วย ทรงเข้าเรียนที่โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย

ทรงเข้าสู่พระราชพิธีอภิเษกสมรส เมื่อวันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้รับสถาปนาขึ้นเป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระประสูติกาลพระธิดา คือ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๑

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศเฉลิมพระนาม พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๔</span>
(จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)

<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ลำดับที่ 11 พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา</span>



<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระราชธิดาองค์แรกใน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร และ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ (ม.ล.โสมสวลี กิติยากร) ทรงเป็นพระราชนัดดา พระองค์แรกใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประสูติเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2521 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

ทรงศึกษาระดับอนุบาล ประถมและมัธยมต้น ณ โรงเรียนราชินี และระดับมัธยมปลาย ณ โรงเรียนฮีธฟิลด์ ประเทศอังกฤษ และโรงเรียนจิตรลดา และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ใน ปี พ.ศ. 2544 จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยได้รับเกียรตินิยมอันดับสอง นอกจากนั้นทรงสำเร็จปริญญาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เมื่อครั้งที่ทรงศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทรงร่วมงานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ และทรงเป็นผู้เชิญธรรมจักร ตราสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย

ต่่อมาทรงสำเร็จเนติบัณฑิตไทย (น.บ.ท.) เนติบัณฑิตยสภา ปีการศึกษา 2547 และทรงศึกษาระดับปริญญาโททางด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยคอร์แนล สหรัฐอเมริกา จากนั้นทรงศึกษาต่อจนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกทางด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน เมื่อปีการศึกษา 2548 หลังจากนั้นได้ทรงเข้าทำงานที่คณะทูตถาวรแห่งประเทศไทย ประจำองค์การสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก

ปัจจุบัน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงรับราชการเป็นข้าราชการอัยการผู้ช่วย รุ่นที่ 39 ทรงแสดงเจตจำนงที่จะรับราชการในจังหวัดนราธิวาสและจังหวัดอุบลราชธานีเป็นพิเศษ และในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2551 พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา จะเสด็จมาทรงงานสำนักงานอัยการ จ.อุดรธานี เป็นเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้เป็นต้นไป </span>
(pinijudon.igetweb.com)