โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 30, 2006 8:30 pm
เวลาที่ซื้อใบชะพลูแบบเป็นกิ่งที่ขายเป็นกำๆ เราก็เด็ดใบไปใช้ตามปรกติ แต่กิ่งที่เหลืออย่าทิ้งเชียวนะ เสียดายตาย ลองมาปลูกตามวิธีผมแล้วกันนะ พอดีตอนเรียนมัธยมต้นเป็นเด็กสายเกษตร เลยพอจะเอามาใช้ประโยชน์ตอนไกลบ้านนี้แหละ
◊ เด็ดใบชะพลูตามต้องการ โดยเหลือใบเล็กๆส่วนบนของยอดกิ่งไว้แค่ใบเล็กๆ เพื่อเป็นที่สังเคราะห์แสง แต่แค่ ๑-๒ ใบ พอนะเพื่อลดการคายน้ำ
◊ ปาดตอนล้างของกิ่งเป็นมุมทะแยง เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการรับอาหาร (ในขั้นต้นคือน้ำ) โดยเลือกปาดให้ต่ำกว่าข้อของกิ่งนิดหนึ่ง (ชะพลูเป็นไม้เลื่อยเป็นข้อๆ) เพราะตรงตำแหน่งที่เป็นข้อของชะพลู จะสามารถมีรากออกมาได้
◊ ล้างขวดใสที่มีปากขวดเล็กให้สะอาดแล้วเติมน้ำประมาณครึ่งขวด ใส่กิ่งใบชะพลูทั้งหมดลงในขวด พยายามให้ปลายของกิ่งลอยอยู่ในระดับกลางของน้ำในขวด (อย่าให้ตรงปลายกิ่งแตะก้นขวดเป็นใช้ได้) หรืออาจจะใช้สำลียัดรอบๆ ปากขวดเพื่อช่วยพยุงไม่ให้ตรงปลายกิ่งแตะกับก้นขวดโดยตรง
◊ เสร็จแล้วหาที่วางขวดบริเวณที่มีแสงรำไรสัก ๒-๓ อาทิตย์ แล้วจึงค่อยย้ายไปตั้งในที่ๆมีแสงแดดส่องถึง แต่ต้องคอยเปลี่ยนน้ำอยู่เสมอนะ ประมาณอาทิตย์ละครั้ง เดี๋ยวน้ำจะเน่าเหมือนละครไทยหลังข่าวไม่รู้นะ
◊ ตั้งมันไว้แบบลืมๆ สักประมาณ ๒ เดือน แต่อย่าลืมเปลี่ยนน้ำล่ะ รากมันก็จะงอก (หมายถึงรากของชะพลูนะ ไม่ไช่รากคนปลูก) รอดูจนเห็นว่ารากมันงอกออกมามากและมีสมบูรณ์ คือรากจะมีความยาวประมาณ ๒.๕ – ๓ ซม. และสีจะเริ่มเปลี่ยนจากขาวเป็นขาวเข้ม (เข้มกว่าขาวมีด้วยหรือนี่) หมายถึงสีเทาอ่อนๆน่ะ ถึงเอาไปปลูกลงดิน
◊ เตรียมดินใส่กระถางครึ่งหนึ่งแล้วเอาต้นชะพลูลง พยายามให้อยู่เป็นกอ เพราะชะพลูชอบอยู่เป็นกอ และใช้มือพยุงต้นเอาไว้ เพื่อไม่ให้รากมันหัก หรือกระทบกระเทือนน้อยที่สุด แล้วใช้อีกมือหนึ่งตักดินเติมลงไปในกระถางจนเต็มอย่างระมัดระวัง
◊ หาที่วางกระถางในที่ๆมีแดดรำไร เพราะชะพลูชอบแดดแบบร่มๆ หน้าหนาวหาที่วางริมหน้าต่างใกล้กับเครื่องทำความร้อนอย่างในรูป ของผมว่างริมหน้าต่างหลังผ้าม่านบางๆเหนือเครื่องทำความร้อน ครบสูตรเลย
◊ การให้น้ำ ชะพลูเป็นพืชร้อนชื้น ฉะนั้นจึงต้องหมั่นรดน้ำบ่อยๆ อาทิตย์ละ ๑-๒ ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละประเทศ แค่คอยดูให้ดินชื้นอยู่ตลอด และต้องคอยใส่อาหารพืชที่เป็นน้ำ เช่น Pokon ผสมน้ำรดต้นชะพลูอาทิตย์เว้นอาทิตย์
ไม่ยากเลยไช่ไหมครับ เคล็ดลับที่สำคัญของการปลูกต้นไม้คือการใส่ใจ และให้ความรักกับมันอยู่เสมอ เหมือนกับที่คุณรักและใส่ใจคนที่คุณรักไง แล้วเขาก็จะรักคุณดั่งที่คุณรักเขา ว่าแล้วไปทำแกงปลาดุกใส่ใบชะพลูกินดีกว่า เอ๊ะ.. หรือว่าจะเป็นเมี่ยงคำดีนะ ช่วยตัดสินใจหน่อยซิ เรื่องปลูกต้นไม้น่ะถนัด เรื่องกินก็ยิ่งถนัดมากถึงมากที่สุด แต่มันมาติดตรงที่ไม่ถนัดเรื่องทำกับข้าวนี้ซิ.. จอดเลย แต่ก็ลองพยายามอยู่ หวังว่าคงได้ดี (ไม่ไช่ D นะ) สักวันถ้าไม่ผอมตายซะก่อน
ผมว่าต้นชะพลูนอกจากจะปลูกไว้กินแล้ว มันยังสามารถใช่แต่งบ้านได้อย่างดีด้วย ตอนนี้เวลาที่มีเพื่อนฝรั่งมาที่บ้าน แทบทุกคนจะต้องสะดุดตากับเจ้าเถาระย้าชะพลูกันทั้งนั้น แถมกลิ่นหอมที่ไม่คุ้นเคยจมูกฝรั่ง (แต่ถูกปากคนไทย) เลยเป็นหัวข้อแรกๆในการสนทนาซะเป็นส่วนใหญ่ ผมว่าจริงๆแล้วชะพลูมันก็เหมาะกับเมืองหนาวอยู่เหมือนกันนะแต่ขนาดใบอาจจะเล็กกว่าปลูกที่เมืองร้อนหน่อยหนึ่ง แต่รสชาติไม่ต่างกันเลย
◊ เด็ดใบชะพลูตามต้องการ โดยเหลือใบเล็กๆส่วนบนของยอดกิ่งไว้แค่ใบเล็กๆ เพื่อเป็นที่สังเคราะห์แสง แต่แค่ ๑-๒ ใบ พอนะเพื่อลดการคายน้ำ
◊ ปาดตอนล้างของกิ่งเป็นมุมทะแยง เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการรับอาหาร (ในขั้นต้นคือน้ำ) โดยเลือกปาดให้ต่ำกว่าข้อของกิ่งนิดหนึ่ง (ชะพลูเป็นไม้เลื่อยเป็นข้อๆ) เพราะตรงตำแหน่งที่เป็นข้อของชะพลู จะสามารถมีรากออกมาได้
◊ ล้างขวดใสที่มีปากขวดเล็กให้สะอาดแล้วเติมน้ำประมาณครึ่งขวด ใส่กิ่งใบชะพลูทั้งหมดลงในขวด พยายามให้ปลายของกิ่งลอยอยู่ในระดับกลางของน้ำในขวด (อย่าให้ตรงปลายกิ่งแตะก้นขวดเป็นใช้ได้) หรืออาจจะใช้สำลียัดรอบๆ ปากขวดเพื่อช่วยพยุงไม่ให้ตรงปลายกิ่งแตะกับก้นขวดโดยตรง
◊ เสร็จแล้วหาที่วางขวดบริเวณที่มีแสงรำไรสัก ๒-๓ อาทิตย์ แล้วจึงค่อยย้ายไปตั้งในที่ๆมีแสงแดดส่องถึง แต่ต้องคอยเปลี่ยนน้ำอยู่เสมอนะ ประมาณอาทิตย์ละครั้ง เดี๋ยวน้ำจะเน่าเหมือนละครไทยหลังข่าวไม่รู้นะ
◊ ตั้งมันไว้แบบลืมๆ สักประมาณ ๒ เดือน แต่อย่าลืมเปลี่ยนน้ำล่ะ รากมันก็จะงอก (หมายถึงรากของชะพลูนะ ไม่ไช่รากคนปลูก) รอดูจนเห็นว่ารากมันงอกออกมามากและมีสมบูรณ์ คือรากจะมีความยาวประมาณ ๒.๕ – ๓ ซม. และสีจะเริ่มเปลี่ยนจากขาวเป็นขาวเข้ม (เข้มกว่าขาวมีด้วยหรือนี่) หมายถึงสีเทาอ่อนๆน่ะ ถึงเอาไปปลูกลงดิน
◊ เตรียมดินใส่กระถางครึ่งหนึ่งแล้วเอาต้นชะพลูลง พยายามให้อยู่เป็นกอ เพราะชะพลูชอบอยู่เป็นกอ และใช้มือพยุงต้นเอาไว้ เพื่อไม่ให้รากมันหัก หรือกระทบกระเทือนน้อยที่สุด แล้วใช้อีกมือหนึ่งตักดินเติมลงไปในกระถางจนเต็มอย่างระมัดระวัง
◊ หาที่วางกระถางในที่ๆมีแดดรำไร เพราะชะพลูชอบแดดแบบร่มๆ หน้าหนาวหาที่วางริมหน้าต่างใกล้กับเครื่องทำความร้อนอย่างในรูป ของผมว่างริมหน้าต่างหลังผ้าม่านบางๆเหนือเครื่องทำความร้อน ครบสูตรเลย
◊ การให้น้ำ ชะพลูเป็นพืชร้อนชื้น ฉะนั้นจึงต้องหมั่นรดน้ำบ่อยๆ อาทิตย์ละ ๑-๒ ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละประเทศ แค่คอยดูให้ดินชื้นอยู่ตลอด และต้องคอยใส่อาหารพืชที่เป็นน้ำ เช่น Pokon ผสมน้ำรดต้นชะพลูอาทิตย์เว้นอาทิตย์
ไม่ยากเลยไช่ไหมครับ เคล็ดลับที่สำคัญของการปลูกต้นไม้คือการใส่ใจ และให้ความรักกับมันอยู่เสมอ เหมือนกับที่คุณรักและใส่ใจคนที่คุณรักไง แล้วเขาก็จะรักคุณดั่งที่คุณรักเขา ว่าแล้วไปทำแกงปลาดุกใส่ใบชะพลูกินดีกว่า เอ๊ะ.. หรือว่าจะเป็นเมี่ยงคำดีนะ ช่วยตัดสินใจหน่อยซิ เรื่องปลูกต้นไม้น่ะถนัด เรื่องกินก็ยิ่งถนัดมากถึงมากที่สุด แต่มันมาติดตรงที่ไม่ถนัดเรื่องทำกับข้าวนี้ซิ.. จอดเลย แต่ก็ลองพยายามอยู่ หวังว่าคงได้ดี (ไม่ไช่ D นะ) สักวันถ้าไม่ผอมตายซะก่อน
ผมว่าต้นชะพลูนอกจากจะปลูกไว้กินแล้ว มันยังสามารถใช่แต่งบ้านได้อย่างดีด้วย ตอนนี้เวลาที่มีเพื่อนฝรั่งมาที่บ้าน แทบทุกคนจะต้องสะดุดตากับเจ้าเถาระย้าชะพลูกันทั้งนั้น แถมกลิ่นหอมที่ไม่คุ้นเคยจมูกฝรั่ง (แต่ถูกปากคนไทย) เลยเป็นหัวข้อแรกๆในการสนทนาซะเป็นส่วนใหญ่ ผมว่าจริงๆแล้วชะพลูมันก็เหมาะกับเมืองหนาวอยู่เหมือนกันนะแต่ขนาดใบอาจจะเล็กกว่าปลูกที่เมืองร้อนหน่อยหนึ่ง แต่รสชาติไม่ต่างกันเลย