หน้า 1 จากทั้งหมด 2

โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 04, 2009 2:00 pm
โดย หนูป้อม
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:red'>ก่อนอื่นต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่หาย ไปนาน
<span style='color:blue'>แม้ว่า.......จะไม่สามารถใช้คอมได้แต่...ยังออกกำลังเกือบทุกวันนะคะ มีโดดบ้างตามอัศธยาศัย(อิอิ) น้ำหนักก็ลดลงแต่ไม่ถึงกับมากมาย ก็ห่าง พี่ๆ เพื่อนๆไปก็ทานค่ะ ทานเรื่อยๆ (แฮะแอ่ม ไม่ได้ทานมากมายค่ะ แค่เรื่อยๆ)

เพิ่งจะมาเปิดกระทู้นี่เนื่องจากไปทำงานที่ต่างจังหวัดมาตอนปลายๆเดือนตุลาคมนี่หล่ะค่ะช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนก็แอบไปShopping มา 2 วันเต็มๆ เมื่อยมากๆแต่มีความสุขที่สุด กระเป๋าตังค์จะเบาไปนิดๆค่ะช่วงนี้ (ช่วยเรื่องอารมณ์ได้เยอะมากๆ)

นอกเรื่องซะยาวเลย กลับมาเข้าเรื่องเราดีกว่า

พี่เพื่อนๆที่มีข้อมูลอะไรดีๆก็ มาแบ่งปันกันนะคะช่วยกันมาโพสข้อมูลของตัวเองไว้ที่นี่บ้าง searchมาแบ่งๆกันด้วย....สะดวกดีเนอะ
(ช่ายม๊ะ....ใครเห็นด้วยก่ะหนูป้อมมั่งจ๊ะ)
</span></span></span>

โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 04, 2009 2:14 pm
โดย หนูป้อม
<span style='font-size:21pt;line-height:100%'><span style='color:blue'>การลดน้ำหนัก กับดัชนี GI Index



<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:blue'>วางแผนลดน้ำหนัก เลือกทานอาหารที่มีค่า GI ต่ำค่ะ

<span style='font-size:8pt;line-height:100%'>เก็บตกข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับการลดน้ำหนักสำหรับสาวอ้วน ไซส์ใหญ่ กับค่าดัชนีที่เรียกว่า ค่าไกลซิมิค อินเด็กซ์ (Glycemic Index: GI) คนอ้วนหลายคนเข้าใจว่าการรับประทาน ผัก ผลไม้ ช่วยลดน้ำหนักได้ดี แต่บางครั้งอาจจะไม่เป็นอย่างนั้น เนื่องจาก ผัก ผลไม้ แต่ละชนิดมีโครงสร้างโมเลกุลที่เอื้อต่อการดูดซึมต่างกัน การรู้จัก GI index จึงมีประโยชน์มากกับการวางแผนกำหนดอาหารลดน้ำหนักสำหรับสาวๆ ค่ะ

รู้จักไกลซิมิก อินเด็กซ์ (Glycemic Index: GI Index)

ไกลซิมิก อินเด็กซ์ เป็นดัชนีที่ใช้วัดเปรียบเทียบความสามารถในการดูดซึมอาหาร ซึ่งมีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นของอาหารชนิดต่างๆ โดยอาหารประเภทที่มีค่า GI สูง แสดงให้เห็นถึงอาหารชนิดนั้นร่างกายดูดซึมอาหารได้รวดเร็ว และทำให้น้ำตาลในเสือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนอาหารที่มีค่า GI ช้า แสดงให้เห็นถึงอาหารที่ทำให้น้ำตาลในเลือดค่อยๆ เพิ่มขึ้น หรือเพิ่มขึ้นช้า

วางแผนลดน้ำหนักกับอาหารที่มีค่า GI index แตกต่างกันอย่างไร?

ในการลดน้ำหนัก ควรเลือกอาหารที่มีค่า GI ต่ำ เนื่องจากอาหารประเภทนี้ ร่างกายจะดูดซึมช้า ทำให้น้ำตาลในเลือดค่อยๆ สูงขึ้น จึงช่วยให้เราอิ่มท้อง ไม่รู้สึกหิวได้ง่าย ขณะที่อาหารประเภทที่มีค่า GI สูง ร่างกายจะดูดซึมอย่างรวดเร็ว ทำให้เราหิวได้ง่าย และอยากกินอาหารเพิ่มในปริมาณมากขึ้น และบ่อยขึ้น ตัวอย่างเช่น การดื่มน้ำหวาน จะทำให้ร่างกายสดชื่นอย่างรวดเร็ว ได้รับพลังงานทันที แต่พลังงานที่ได้รับจะหายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้อ่อนเพลีย และอยากกินของหวานๆ เพิ่มขึ้นอีก จนอ้วนในที่สุด


เลือกจัดกลุ่มผัก ผลไม้ และอาหารประเภทอื่นๆ ในกลุ่มอาหารลดน้ำหนัก จากอาหารที่มีค่า GI index ต่ำกันค่ะ

NON GI
ได้แก่ กลุ่มเนื้อสัตว์ทุกชนิด ไข่ และถั่วต่างๆ

Low GI ประเภทผัก
ได้แก่ บร็อกโคลี่ หน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี ผักชี แตงกวา ผักสลัด หัวไชเท้า ผักโขม ถั่วต่างๆ ผักคะน้า หัวหอม ฟักทอง มันเทศสีม่วง พริกไทย เห็ด ผลกระเจี๊ยบ

LOW GI ประเภทผลไม้
ได้แก่ ฝรั่ง ส้ม กล้วย แอปเปิ้ล องุ่น เชอร์รี่ กีวี มะละกอ ลูกพีช สตรอเบอรี่ ราสเบอรี่

LOW GI ประเภทแป้ง และน้ำตาล
ได้แก่ วุ้นเส้น เส้นหมี่ ข้าวซ้อมมือ สปาเก็ตตี้ โฮลวีต ข้าวโอ๊ต น้ำตาลฟลุกโตส เครื่องเทศ

LOW GI ประเภทผลิตภัณฑ์อื่น
ได้แก่ น้ำผึ้ง แยม นมถั่วเหลือง และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับถั่วเหลือง

ส่วนกลุ่มอาหารที่สาวๆ ไม่ควรจัดเข้ามาอยู่กลุ่มอาหารลดน้ำหนัก (สามารถทานได้ แต่ดูดซึมเร็วจึงไม่ค่อยอยู่ท้อง) อาหารกลุ่มนี้ ได้แก่

High GI ประเภทผัก
ได้แก่ มันฝรั่ง แครอท ข้าวโพด มะเขือเทศ กะหล่ำม่วง แฟง

High GI ประเภทผลไม้**
ได้แก่ แตงโม สับปะรด มะม่วง ทุเรียน ลำไย ขนุน ลูกพรุน น้อยหน่า มะปราง ทับทิม ลิ้นจี่
(** ผลไม้บางประเภทมีรสเปรี้ยวอมหวาน ซึ่งบางชนิดอาจมีน้ำตาลสูง แต่การที่มีรสเปรี้ยวกลบทำให้หลายคนอาจไม่รู้ว่าน้ำตาลสูง)

High GI ประเภทแป้ง และน้ำตาล
ได้แก่ ข้าวขาว เส้นใหญ่ น้ำตาลทราย ขนมปังขาว ข้าวเหนียว คอนเฟรก

High GI ประเภทผลิตภัณฑ์อื่น
ได้แก่ น้ำหวาน น้ำมะนาว ลูกอมต่างๆ

รู้แบบนี้แล้ว หากสาวๆ อยากจัดกลุ่มอาหารลดน้ำหนัก ช่วงไดเอ็ท อาจเลือกหาผลไม้ที่มีค่า GI ต่ำ จะช่วยให้อิ่มสบาย ไม่หงุดหงิดง่าย และสบายอยู่ท้องค่ะ

ที่มา: บี เกิร์ล ช็อบ เสื้อผ้าคนอ้วน เสื้อผ้าไซส์ใหญ่ออนไลน์


</span></span></span></span></span>

โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 04, 2009 2:23 pm
โดย หนูป้อม
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'>ชุดแซก เดรสคนอ้วน สาวอวบ ใส่อย่างไรให้สวย ดูดี

<span style='font-size:10pt;line-height:100%'>ชุดแซก (Dress) หรือชุดเสื้อในลักษณะปล่อยยาว กลายเป็นชุดเก่งสำหรับผู้หญิงทุกไซส์ ไม่ว่าจะเป็นคนอ้วน สาวไซส์อวบ อีกทั้งเดี๋ยวนี้ก็มีมาให้เลือกหลายแนวหลายสไตล์ ทั้งชุดแซกเดรสยาวสลวย สวย เก๋ หรือมาในแบบชุดสั้นน่ารัก เปรี้ยว (Mini-dress) ทำให้เลือกแต่งตัวกันได้หลายแนว อย่างไรก็ตาม สำหรับสาวเจ้าเนื้ออย่างเรา มาลองดูกันดีกว่าค่ะ ว่าจะเลือกใส่ชุดแซกคนอ้วนให้เหมาะ สวย เพรียว กันแบบไหนดี

รูปร่างแบบไหน ควรหยิบชุดแซกคนอ้วนสไตล์ไหนมาเลือกแต่งตัว?
1. สาวๆ ที่อ้วนออกสะโพก :
สาวอวบที่มีช่วงสะโพกใหญ่ มีเนื้อช่วงดังกล่าว หรือก้นค่อนข้างมาก ควรเลือกวิธีการแต่งตัวโดยหยิบชุดแซกที่ช่วยให้ดูมีส่วนคอดบริเวณเอว หรือบริเวณใต้อก เพราะจะช่วยเบนความสนใจจากสะโพก และควรเลือกเนื้อผ้าที่นิ่มพลิ้ว ลื่นเป็นมันวาว

2. สาวอวบที่มีต้นแขนใหญ่ :
หากคุณเป็นสาวที่มีต้นแขนค่อนข้างใหญ่ ก็ไม่มีปัญหาค่ะ คุณสามารถเลือกแต่งตัวที่จะปกปิดต้นแขนอวบอ้วนของคุณได้ด้วยชุดแซกที่มีแขนยาวซักนิด ประมาณ 3 ส่วน ถึง 5 ส่วน หรือมีแขนเสื้อกว้างคล้ายชุดกิโมโน ก็จะช่วยพรางต้นแขนของคุณได้ค่ะ


3. สาวอวบระยะเริ่มต้น :
กรณียังไม่อ้วนมาก แค่เริ่มพออวบ หากอยากใส่ชุดแซกให้สวย ขอแนะนำให้คุณมั่นใจในตัวเองและกล้าๆ เข้าไว้ เพราะชุดแซกคนอ้วนที่เหมาะกับรูปร่างอวบนั้น ก็คือชุดแซกแขนกุด ทรงพอดีตัวที่ไม่รัดจนเกินไป ถ้าเป็นพวกผ้าลื่นๆ ก็จะยิ่งทำให้ดูเซ็กซี่ไม่เบาจ้า

4. สาวอ้วนที่มีหน้าอกหน้าใจใหญ่เกินตัว :
ขอแนะนำให้เลือกสวมใส่ชุดแซกคอวี คอเว้าลึก คอถ่วงกว้าง หรือคอสี่เหลี่ยม เลี่ยงไปเลยกับการแต่งตัวพวกชุดแซกคอจีน คอกลมแคบ ติดๆ คอ เพราะเสื้อคอกว้างๆ ต่างหากที่จะทำให้หน้าอกคุณไม่ดูอึดอัดล้นหลามจนเกินไป และควรเลี่ยงชุดแซกคนอ้วนในสไตล์รัดรูป เพราะจะดูอึดอัด รวมทั้งพยายามอย่าสวมใส่สร้อยคอ เพราะมันจะเป็นจุดดึงสายตาให้มาเน้นที่อกมากขึ้น

5. สาวอ้วนที่ไม่ค่อยมีหน้าอก :
หากคุณเป็นสาวเจ้าเนื้อ แต่ช่วงอกกลับไม่ค่อยจะเป็นไปตามตัวเอาซะเลย อันนี้ต้องใช้ทริกในการหลอกสายตากันซะหน่อยแล้ว ด้วยการเลือกชุดแซกคนอ้วนที่ดูเหมือนแบ่งออกเป็น 2 ชั้น และควรเป็นชุดแซกที่รัดช่วงใต้อก หรือมีเอวสูงขึ้นมาตรงบริเวณใต้อก และควรจะมีสีท่อนบน และล่างที่แตกต่างกัน เพื่อจะช่วยนำสายตา เน้นให้ช่วงอกของคุณดูโดดเด่นมากขึ้น ที่สำคัญควรเป็นชุดเข้ารูปที่เผยให้เห็นให้เห็นส่วนคอดของร่างกาย

ที่มา: B-GirlShop.com เสื้อผ้าคนอ้วน แฟชั่นออนไลน์


</span></span>

โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 04, 2009 9:33 pm
โดย พัฒน์นรี
ขอบใจจ๊ะ ยังไม่ได้อ่านเลย เดี๋ยวพี่อ่านนะ ขอบใจก่อนแล้วกันที่นำมาฝาก

โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 04, 2009 10:04 pm
โดย Tuta Schweiz
ดีจัง กลับมาแล้วไม่ทำให้พี่ผิดหวัง ยังหาสิ่งดีๆ มาให้พี่ๆน้องๆอ่าน จะเข้ามาปล่อยๆ นะน้องป้อม
การลดน้ำหนัก กับดัชนี GI Index
วางแผนลดน้ำหนัก เลือกทานอาหารที่มีค่า GI ต่ำค่ะ

เป็นความรู้ใหม่ ขอบคุณมากเลย

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 05, 2009 11:13 am
โดย tewatera
มาแวะทักทายน้องป้อม..
อยู่ชลบุรีเหรอจ๊ะ พี่เก๋มีแผนจะไปเที่ยวเกาะล้านหน้าร้อนนี้แหละ มีคนนำเที่ยวแล้ว อิอิ

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 05, 2009 12:46 pm
โดย หนูป้อม
มาแวะทักทายน้องป้อม..
อยู่ชลบุรีเหรอจ๊ะ พี่เก๋มีแผนจะไปเที่ยวเกาะล้านหน้าร้อนนี้แหละ มีคนนำเที่ยวแล้ว อิอิ


พี่เก๋จ๋าา..เดี๋ยวลองถามคุณอาให้ อาเขาทำธุรกิจที่นั่น

ดีจัง กลับมาแล้วไม่ทำให้พี่ผิดหวัง ยังหาสิ่งดีๆ มาให้พี่ๆน้องๆอ่าน จะเข้ามาปล่อยๆ นะน้องป้อม

ขอบคุณพี่ตุ๊เช่นกันค่ะที่เป็นกำลังใจเสมอ

ช่วงนี้เข้าโครงการคนไทยไร้พุงค่ะ
อ่านๆดูคู่มือเขาจะเน้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร และการออกกำลังกาย โดยเฉพาะหลักการกินอาหาร เพื่อควบคุมพลังงาน และลดน้ำหนักอันจะนำไปสู่การพิชิตอ้วน พิชิตพุง
ได้เอกสารมาเพียบเลย ว่าจะนั่งอ่านดู... แต่ข้อมูลบางอย่างก็สู้ประสบการณ์จริงไม่ได้ เด้อค่ะ

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 05, 2009 12:53 pm
โดย หนูป้อม
<span style='font-size:12pt;line-height:100%'>วิธีการวัดรอบเอว

1.อยู่ในท่ายืนตรง
2.ใช้สายวัด วัดรอบเอวโดยวัดผ่านสะดือ*
3.วัดในช่วงหายใจออกสุด(ท้องแฟบ)โดยให้สายวัดแนบกับลำตัว ไม่รัดแน่นและวางอยู่ในแนวขนานกับพื้น

*เป็นวิธีวัดแบบง่ายๆ เพื่อการติดตามเฝ้าระวังภาวะอ้วนลงพุง
**ถ้าตามหลักวิชาการ คือวัดตรงขอบบนสุดของกระดูกเชิงกราน

ภาวะอ้วนลงพุงคือ
ผู้หญิงที่มีรอบเอว ตั้งแต่ 80 ซม. ขึ้นไป
ผู้ชายที่มีรอบเอว ตั้งแต่ 90 ซม. ขึ้นไป</span>

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 05, 2009 1:07 pm
โดย หนูป้อม
<span style='font-size:14pt;line-height:100%'><span style='color:gray'>รองเท้าวิ่ง

<span style='font-size:9pt;line-height:100%'>สําหรับนักวิ่ง รองเท้าวิ่งเป็นสิ่งสำคัญ ในนิตยสาร "ฉลาดซื้อ" ฉบับต.ค. ศ.ดร.เฉลิม ชัยวัชราภรณ์ อดีตคณบดีสำนักวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาฯ มีเกร็ดเกี่ยวกับการวิ่งน่าสนใจ ดังนี้

- เวลาเราเดินจะเกิดแรงกระแทกลงบนเท้าเป็น 2 เท่าของน้ำหนักตัวเรา เมื่อเราวิ่งแรงกระแทกจะเพิ่มเป็น 3 เท่าของน้ำหนักตัว ถ้าเราลงน้ำหนักที่ส้นเท้าก่อนแล้วถ่ายน้ำหนักไปยังฝ่าเท้า จะลดแรงกระแทกลงได้ครึ่งหนึ่ง

- เวลาเลือกซื้อรองเท้าวิ่ง ควรใส่ใจกับส่วนที่รองรับส้นเท้าเป็นพิเศษ รองเท้าที่ไม่มีพื้นรองรับแรงกระแทกจะทำให้ข้อเข่าและข้อเท้าของเรารับน้ำหนักมากขึ้น

- วัสดุที่ใช้ทำส้นรองเท้าวิ่งมีหลายประเภท ส่วนใหญ่เป็นฟองน้ำหรือโฟม ซึ่งจะแตกต่างกันในเรื่องความแน่นและความหนา เราอาจเคยเห็นที่เป็นสปริงบ้าง นอกจากนี้ ยังมีแบบที่ใช้การอัดลมเข้าไป (ซึ่งนานไปก็รั่วได้) และแบบที่ควบคุมปริมาณลมได้เองด้วยการเติมลมหรือปล่อยลมออกให้เหมาะกับความแข็งของพื้นผิวที่เราวิ่ง (เช่น ถ้าวิ่งบนพื้นแข็งอย่างคอนกรีต ถ้าวิ่งบนสนามหญ้าก็อัดลมเข้าไปมากๆ เป็นต้น) แต่ไม่ว่าส้นรองเท้าจะทำด้วยอะไร หลักสำคัญคือเมื่อสวมใส่แล้วลองวิ่งดูแล้วจะต้องไม่แข็งหรือนุ่มเกินไป ถ้าแข็งไปอาจทำให้เราเจ็บเข่าหรือเจ็บเท้าได้ ในขณะที่ถ้านุ่มเกินไปก็จะทำให้เราทรงตัวได้ไม่ดี

- นอกจากส้นรองเท้า ควรใส่ใจเรื่องการระบายอากาศของตัวรองเท้าด้วย เลือกรองเท้าที่มีรูระบายอากาศเยอะๆ เพื่อการระบายความร้อนที่ดี

- กรณีที่คุณชอบวิ่งในยามโพล้เพล้หรือแดดร่มลมตก รองเท้าควรมีแถบสะท้อนแสงเพื่อความปลอดภัยจากการถูกรถเฉี่ยวชน

- ควรใส่รองเท้าที่ขนาดกระชับกับเท้าและอย่าลืมใส่ถุงเท้าทุกครั้ง ข้อสำคัญถ้าต้องการวิ่งออกกำลังก็ให้ใช้รองเท้าสำหรับวิ่ง ไม่ใช่รองเท้าบาสเกตบอล วอลเลย์บอล หรือชกมวย เพราะเขาออกแบบมาตามชนิดของการเคลื่อนไหวและพื้นผิวที่พื้นรองเท้าต้องสัมผัส

- กาวประกอบพื้นรองเท้านั้นมีอายุประมาณ 1 ปีเท่านั้น ดังนั้น ถ้าซื้อมาแล้วอย่าลืมใส่วิ่งให้คุ้มก่อนมันจะหมดอายุขัย

- ทุกครั้งที่มองหารองเท้าคู่ใหม่ โดยเฉพาะเมื่อขายลดราคา อย่าลืมดูวันผลิตด้วยว่า ยังเหลือเวลาอยู่กับเราอีกนานแค่ไหน

ที่มา : ข่าวสด
วันที่โพสต์ : 2009-10-30</span></span></span>

โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 06, 2009 10:08 pm
โดย Tuta Schweiz
กาวประกอบพื้นรองเท้านั้นมีอายุประมาณ 1 ปีเท่านั้น ดังนั้น ถ้าซื้อมาแล้วอย่าลืมใส่วิ่งให้คุ้มก่อนมันจะหมดอายุขัย


งั้นปีใหม่ จะซื้อรองเท้าใหม่เพราะครบปีพอดี ขอบคุณห้องสมุดส่วนตัว น้องป้อมจ้า

โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 14, 2009 12:08 pm
โดย หนูป้อม
ฮูล่าฮูป

ส่ายๆโยกๆ ลดพุง ลองเล่นดู

Hula Hoop Basics: Vol 1 : How to Hula Hoop Better


<a href='http://www.youtube.com/watch?v=EdJgTx0iFeE' target='_blank'>http://www.youtube.com/watch?v=EdJgTx0iFeE</a>


ช่วงนี้ป่วยค่ะ อีก3-4วัน เจอกันใหม่นะคะ ขอดูแลสุขภาพก่อนค่ะ

โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 15, 2009 7:59 am
โดย tewatera
มาเจอคนป่วยอีกคน พักผ่อนเยอะๆนะจ๊ะ
นอนมากๆ กินอาหารดีดีเยอะๆ นะ ดูแลสุขภาพจ้า<a href='http://www.glitter-graphics.com' target='_blank'>รูปภาพ</a>

โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 15, 2009 3:49 pm
โดย พัฒน์นรี
อ้าว ป่วยไปอีกคนละ ดูแลสุขภาพนะคะ แล้วมาสู้กันต่อ

โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 15, 2009 7:52 pm
โดย ยายหนู
แน๊ะ...ขนาดป่วยยังอุตส่าห์เอาฮูล่าฮูป มาให้เพื่อนๆได้ลอง ส่ายๆโยกๆ ลดพุง...ขอบใจเด้อ และขอให้หายป่วยเร็วๆ ว่าแล้วเราขอจามบ้าง ฮ้๊าดดดด เช๊ย...

โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 15, 2009 8:11 pm
โดย rattikal
หายป่วยเร็ว ๆ นะจ๊ะ ติ๊กาแวะมาเยี่ยมจ้า